Wednesday, April 26, 2006

web censorship in Thailand

A recent blog from http://linux.thai.net/planet informed that a website relevant to an internet software tool, http://tor.eff.org/, has been censored by a Thai government agency. 

I can't help but feel "bored" as it shows to the World how lack-of-judegement or narrow-minded or low-IQ some low ranking Thai officials are.

Wednesday, April 19, 2006

เลือกตั้ง ส.ว.


วันนี้ผมไปเลือกตั้ง ส.ว. ตั้งแต่ ๘ โมงกว่าๆ เลือกท่านหนึ่งที่ผมศรัทธา โดยที่ไม่เคยเห็นมีป้ายหาเสียงของหมายเลขนี้ที่ไหนเลย จะดูซิว่าเข้าป้ายไหม

(หมายเหตุเพิ่มทีหลัง ... สรุปว่าคนที่ผมเลือกได้ครับ เย้)

ว่าแต่ว่า รัฐธรรมนูญบอกว่าห้ามหาเสียงเนี่ยนะ ป้ายปักเต็มกรุงเทพฯอย่างกะดอกเห็ด ลูกผมบอกว่าเต็มไปหมดเหมือนดอกไม้ เพราะโผล่ออกมาจากสนามหญ้าหรือโคนไม้ใหญ่สลอนเต็มเมือง ความเห็นที่ผมรำพึงก็คือ ๑) นี่ไม่ใช่หาเสียงนะเนี่ย ๒) เมื่อไรหนอผู้สมัครรับเลือกตั้งเมืองไทยส่วนมากหรือท้ังหมด จะเลิกใส่ชุดเต็มยศข้าราชการ หรือ ครุยปริญญา มาหาเสียงเสียที คนสมัยใหม่ไม่น่าจะโดนหลอกด้วยเรื่องเปลือกๆเช่นนั้นอีกแล้ว และป้ายเยอะแยะไปหมดเนี่ยไปบังทัศนวิสัย ก็ทำเอาคนขับรถที่ออกจากซอยต่างๆเดือดร้อน มองรถที่วิ่งมาตามถนนทางตรงไม่ค่อยเห็น อาจเกิดอุบัติเหตุรถชนกันได้ง่าย

มีอีกข้อนึงคือผมไม่เข้าใจความต้องการของคนบางคนที่ลงสมัคร สักแต่ว่าอยากให้คนอื่นรับรู้หรืออย่างไร คนคงไม่เลือกคนเหล่านั้นเพราะท่านจบดีกรีมา หรือเคยเป็นข้าราชการได้สายสะพายมา โดยสังคมไม่เคยรู้จักท่าน มันไม่ได้การันตีว่าท่านเป็นคนมีวิสัยทัศน์ และ มีคุณธรรม แต่อย่างใด

อีกเรื่องที่รู้สึกประหลาดก็คือในกรุงเทพฯมีผู้สมัครอยู่ ๑๒ คน จาก ๒๖๐ คน ที่อายุมากเกิน ๗๐ แล้ว เจ็ดสิบต้นๆพอว่า จะแปดสิบก็ยังมี ขอโทษที่จะพูดตรงๆว่า ท่านเหล่าน้ันขาดความรู้สึกสำนืกตัว ไม่ตระหนักว่าจะต้องให้ประเทศเสียเงินเลือกตั้งซ่อมหรือ หากว่าเกิดบางท่านได้ และก็ไปเสียชีวิตก่อนครบเทอม ๖ ปี คนที่อายุมากปานนั้น น่าจะไปหาที่สงบๆปฏิบัติธรรมเต็มเวลาท่าจะดีกว่า

Saturday, April 15, 2006

ฝนตกช่วงสงกรานต์ กับ โลกร้อน

ดูเหมือนเพิ่งจะสองสามปีนี้เองที่มีฝนตกหนักที่กรุงเทพฯช่วงสงกรานต์ สมัยสามสี่สิบปีก่อนมีที่ไหนกัน พอหน้าหนาวก็ไม่หนาว เห็นได้ชัดว่าภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนไป โลกกำลังร้อนขี้น และผู้นำประเทศใหญ่ๆเพียงสองสามคนเท่านั้นที่ตัดสินใจไม่ทำอะไร ในเรื่องการควบคุมปริมาณการปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์จากอุตสาหกรรมของประเทศตัว เพราะเห็นว่าความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศตัวในสมัยที่ตนเป็นผู้นำนั้นมีความสำคัญกว่าความเป็นไปของทั้งโลก ไม่ต้องเอ่ยชื่อที่นี่ก็รู้ว่าใคร ถ้าไปตามข่าวดูเอาก็รู้

อีกร้อยปีกรุงเทพฯก็จะต่ำกว่าระดับน้ำทะเลราว ๒ ถึง ๓ เมตรแล้ว และร้อนกว่านี้อีก

ไม่ทราบว่า ผู้นำเหล่านั้นเห็นแก่ตัว หรือว่าจิตนั้นบอด หรือว่าโง่กันแน่ อาจจะทั้่งหมดก็ได้

Thursday, April 13, 2006

น้ำพริกกุ้่งเสียบ




ของอร่่อยที่ซื้อมาจาก เกาะปันหยี จังหวัดพังงา ก็คือน้ำพริกกุ้งเสียบสามรส ใช้ได้ทีเดียว ซื้อมาจากของคุณยายคนนึงชื่อ นางปิก สุทธิเส็ม โทร 06-267-0357 โพสต์รูปเกาะไว้ด้วยแล้ว
เกาะนี้ไม่ไกลจากถ้ำลอด เขาพิงกัน เขาตะปู เท่าไรนัก

RAM กับ notebook

โน้ตบุ้ค Mac PowerBook ของผมตอนแรกมีปัญหาเรื่องเครื่องชะงักบ่อยๆ เวลาเปลี่ยนจากโปรแกรมหนึ่งไปใช้โปรแกรมอื่น ดูเหมือนระบบต้องใช้ swap สำหรับ memory เลยเพ่ิม RAM ไปอีก ตอนนี้กลายเป็น 1.5 GB RAM ปรากฎว่าเรืื่องอาการชะงักหายไปแล้ว ไม่มีปัญหาอีกต่อไป ส่วนเรื่อง hard disk ที่มี 80 GB แล้วยังไม่พอใช้นั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เว้นแต่จะไปซื้อ external hard drive สัก 300 GB มาใช้พ่วง แต่ก็จะไม่สะดวกนัก ตอนนี้เลยต้องพยายามก็อปปี้แฟ้มที่ไม่ใช้ลง CD / DVD ไว้ แล้วลบออกไปบ้าง

มหากาพย์พุทธจริต


ดูเหมือนจะเคยโพสต์ถึงหนังสือเล่มนี้่มาแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน แต่ก็ยังไม่ม่ีเวลาอ่านจนแล้วจนรอด วันนี้เลยไปหยิบเอา มหากาพย์พุทธจริต ออกมาดูพลิกๆดูอีกครั้ง แล้วเลยสแกนรูปมาโพสต์ไว้ด้วย อย่างน้อยสำหรับผมแล้วเล่มนี้ก็น่าจะให้อรรถรสถูกอัธยาศัยกว่า ดอนกิโฆเต้ เล่มนั้น ซึ่งหลังจากเคยกวาดสายตาผ่านๆเป็นช่วงๆไปแล้วก็คงเก็บไว้ยาวเลยไม่มีเวลาอ่านอีกนาน

Tuesday, April 11, 2006

เตรียมสอบ จูฬฯตรี แล้ว อีกสองเดือน

ตอนนี้กำลังทวนเรื่อง เจตสิก ในส่วน สัมโยคนัย สังคหนัย และ ตทุภยมิสสกนัย อยู่ ขืนไม่รีบทวนเดือดร้อนแน่ สอบมิถุนายน นี้แล้ว

งานแปล จบลง

งานแปลโครงการใหญ่ที่ผมเข้าร่วมกับนักวิชาการอีกราว ๖๐ ท่าน ในส่วนของผมเสร็จลงแล้ว โล่งอกไปที ส่งงานโดยทางอีเมล์ไปเมื่อเดือนก่อน

ทนลำบากมากมาหลายเดือน เพราะการแปลบังคับว่าต้องใช้โปรแกรมที่เขียนขึ้นมาโดยเฉพาะ และต้องรันบน Windows XP เท่านั้น เลยทำงานไม่สะดวก เพราะผมใช้  Mac ที่ที่ทำงาน และบนโน้ตบุ้คส่วนตัว ต้องไปเอาเครื่อง Windows XP เก่าตัวหนึ่งมาใช้ มีการใช้ XML tag และ encryption ด้วย 

จริงๆแล้วผมคาดไว้ตั้งแต่แรกว่าจะใช้โปรแกรมพวก บรรณาธิกรณ์ (text editor) ในการแปล แต่การจำต้องใช้ translator panel program ทำให้ไม่สะดวกไปแยะ

ที่จะบันทึกไว้ก็คือว่า การแปลโครงการใหญ่ๆเดี่ยวนี้ฝรั่งบังคับให้ใช้ XML tags แล้วนั้นแหละ เพื่อจะดวกในการดึงเนื้่อหาไปใช้ในหนังสือเล่มอื่นในอนาคต และในการทำเวอร์ชั่นออนไลน์ด้วย

เห็นว่าโดยภาพรวมแปลเสร็จไปแค่ 40% เอง สงสัยว่าปีหน้าจะได้เห็นออกมาจากโรงพิมพ์ไหมเนี่ย

ตอนแรกว่าจะอุบไว้ไม่บอกว่าหนังสืออะไร ไหนๆก็ไหนๆแล้ว บอกก็ได้ คือหนังสือ Concise Britannica Encyclopaedia ฉบับภาษาไทย น่ะซิ

ความเห็นเรื่อง ศิลาจารึก


ผมไปได้หนังสือที่สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์รวมผลงานท่านอาจารย์ประเสริฐ ณ นคร มาสองเล่ม คือ ประวัติศาสตร์เบ็ดเตล็ด เล่มนึง และ อักษร ภาษา จารึก วรรณกรรม อีกเล่มนึง เพิ่งอ่านผ่านๆไป แต่ก็มีเรื่องศิลาจารึกหลักที่ ๑ อยู่ด้วย ปนๆอยู่ทั้งสองเล่ม อ่านสนุกมาก

อันที่จริงผมเชื่อท่านอาจารย์ประเสริฐ และอีกหลายๆท่าน ว่าศิลาจารึกหลักที่ ๑ นั้นเป็นของพ่อขุนรามคำแหงจริง ด้วยเหตุผลสารพัดที่ท่านพูดมาในรอบหลายสีบปี ไม่ได้ของทำปลอมขึ้นโดย ร. ๔ ได้มาอ่านทบทวนในสองเล่มนี้ก็ได้ประเด็นครบขึ้น

ถึงตอนนี้หากว่าอาจจะยังมีคนไม่เชื่อก็ต้องปล่อยไป

แต่ผมมีเหตุผลอีกข้อที่ดูเหมือนจะยังไม่มีใครกล่าวไว้ แม้ในหนังสือของท่านสองเล่มนี้่ ก็คือข้อที่เป็นที่รู้กันว่า ร. ๔ นั้นท่านทรงรอบรู้และเคร่งในพุทธธรรมมาก ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่านทรงอุดมด้วยศีล และอาศัยเหตุนี้เอง การที่คนมีวิจิกิจฉาว่าท่านทำจารึกปลอมนั้น ไม่ได้ระลีกถีงธรรมในพระทัยของพระองค์เป็นแน่ ถ้าระลึกในข้อนี้ก็จะไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่านไม่ได้ทำปลอม

เสิอร์ชเอ็นจิ้น สำหรับวิชาการ

นอกจาก Google Scholar แล้ว ตอนนี้ Microsoft Academic Search ก็กำลังจะออกมาแข่งเร็วๆนี้ แต่สำหรับผู้ใช้แม็ค อาจจะไม่สามารถใช้่ Safari browser ไปดูของไมโครซอฟต์ได้ อาจต้องไปใช้ตัวอื่นแทน อย่าง Mozilla / Firefox 

ตอนนี้กำลังคิดว่าจะเขียนบทความภาษาไทยสักเรื่อง เกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้

Thursday, April 06, 2006

แล็ปท็อปราคา ๔ พันบาท ออกปีหน้า

ไทยจะเป็นหนึ่งใน ๗ ประเทศของโลก ที่ได้แล็ปท็อปราคาตัวละ ๑๐๐ เหรียญสหรัฐฯ มาให้เด็กใช้ปีหน้า จากงวดแรก ๕ ล้านเครื่อง ไม่รู้ว่าจะมาไทยกี่เครื่อง อาจจะได้มหลายแสนเครื่องก็ได้ 

ดูสเป็คแล้วก็โอเค มี thumbdrive 512 MB เก็บข้อมูล ใช้ Red Hat Linux รุ่นพิเศษ RAM 128MB, 7" monitor (dual mode, 640 x 480 pixels in color for indoor use, 1110 x 830 pixels in Black & White for outdoor use)

ว่าแต่ว่า มีทำ content เตรียมไว้ให้เด็กไทยกันหรือยังก็ไม่ทราบ

http://www.eweek.com/article2/0,1895,1945967,00.asp

Monday, April 03, 2006

The Single book (title) for your life ?

I just went to the National books' week fair at QSNCC. Bought only one book for myself, the Thai translated version of Don Quijote, 830 Baht.
Claimed to be the must-read if you would read a single book in one 's life: which I did not quite agree. I 'd rather vote for the Tripitaka. Of course, that would be multi-volume tomes. Depending on the publisher, the Buddhism Compilation of Buddha's teaching in Thai texts could be 45- or 70 plus volumes.

Sunday, April 02, 2006

Tiny box on the Thai ballot's lower right corner

It seems that the inclusion of the small no-vote box onto Thailand ballot 's lower right corner was an after though. Who would have thought that one day it would become handy for a large number of people to voice their political opinion.

Let's see how many has ticked this on this snap election day. A number of pundits have predicted that this will be a dud election with no political solution to the highly polarized situation in Thailand now, yet the price tag is high at 2.2 Billion baht.

Thursday, March 30, 2006

เข่าเสื่อม

ดูเหมือนว่า ไลฟสไตล์ที่เคยยกน้ำหนัก และ จ๊อกกิ้งคงจะต้องเปลี่ยนไปเมื่อน้ำหนักตัวแยะขึ้น อายุเร่ิมมากขึ้น เริ่มเจ็บเข่าเป็นครั้งคราว

ปัจจัยที่จะที่ทำให้ โรคเข่าเสื่อมมีอาการมากขึ้นอีกก็ได้แก่ การนั่งขัดสมาธิ การนอนบนพื้นกระดาน เพราะไปกดเข่ามากกว่าปกติ แหม แบบนี้การปฏิบัติธรรมก็ลำบากหน่อย

วิธีแก้ให้ทุเลาคือการบริหารกล้ามเนื้อ และ การบริหารข้อเข่า ทุกวัน
และต้องมีการลดน้ำหนัก และ การงดการวิ่ง เพราะการวิ่งน้ำหนักจะกดเข่าเป็น ๕ เท่า ของปรกติ

อีกอย่างผมไปซื้อผ้ายืดสำหรับสวมรัดข้อหัวเข่าก็แก้ได้ สองวันก็หายเจ็บ

การออกกำลังกาย เพื่อนผมคนหนึ่งบอกว่าเขาใช้วิธีปั่นจักรยานอยู่กับที่ และแนะนำให้เอาบ้าง แต่เพื่อนอีกคนบอกว่าไม่เวอร์กหรอก เพราะปั่นอย่างมากสองอาทิตย์ก็เลิกแล้ว เสียเงินแพงเปล่าๆ ตกลงผมเลยยังไม่ซื้อ

Wednesday, March 29, 2006

ทำไงจะสู้สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศได้

อ่านข่าวเจอที่สัมภาษณ์ชาวสวนผลไม้่ไทยที่ต้องเจ๊ง ราคาผลไม้ตกต่ำแล้วก็สงสาร เป็นเพราะผลกระทบจากเอฟทีเอ ไทยกับจีน ความจริงก่อนหน้านี้ ถ้าผมมีโอกาสเดินตลาดนัด เจอผลไม้ไทยก็จะซื้อเยอะๆมากินอยู่แล้ว อย่างเงาะเนี่ยซื้อทีก็อย่างน้อยสาม ก.ก.

ปัญหาที่เห็นว่าบ้านเราขาดคือ ขาดการให้การศึกษาประชาชนทั่วไป เรื่องการรณรงค์ช่วยกันกินช่วยกันซื้อของไทย และต้องสอนต้ังแต่ในโรงเรียนประถม ให้มีค่านิยมที่ช่วยซื้อของในท้องถิ่น ให้เงินหมุนอยู่ในสังคมมากๆ

อีกอย่างก็เรื่องคุณภาพ สินค้าไทยต้องสู้ด้วยคุณภาพเท่านั้น สินค้าถูกๆเช่นจากจีนเข้ามาตีตลาดด้วยราคาเป็นหลัก คุณภาพยังไม่ดีนัก สินค้่าไทยเราต้องเอาคุณภาพที่ดีเข้าสู้ และเอาชื่ีอแบรนด์ไทยที่เชื่อถือได้เข้าไปสู้ สู้ด้วย positioning ทางการตลาด สู้ด้วยความสนับสนุนของคนในสังคม แต่ก็ต้องอาศัยการให้การศึกษา การประชาสัมพันธ์ การรณรงค์

ผมมีความรู้สึกในใจว่า การที่รัฐบาล ทรท. ไม่ได้นำเรื่องเอฟทีเอ เข้าสภา ทั้งที่ทำได้ อาจจะมีเจตนาที่ดีแฝงอยู่ คือนอกจะเร็วสมใจพ่อค้าในวงการรัฐบาลแล้ว ในอนาคตหากเกิดผลเสียหายมาก รัฐบาลในอนาคตก็อาจให้รัฐสภายกเลิกเอฟทีเอ ก็น่าจะได้ เพราะรัฐสภาไม่เคยให้ความเห็นชอบมาก่อน แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับมหาอำนาจก็ทำยากหน่อย

ยกตัวอย่างเรื่องสิทธิประโยชน์บริษัทอเมริกันในประเทศไทย ที่รัฐบาลไทยยุคถนอมไปให้เขาไว้ ให้มีสิทธิเท่าเทียมบริษัทคนไทยทุกประการ แล้วตอนนี้พอใครไปพูดถึง ตอนจะทำเอฟทีเอกับเขา คนของสถานฑูตอเมริกันก็เตยให้สัมภาษณ์มาทำนองว่า สิทธิที่เป็นของให้ไปแล้วก็อย่าไปพูดถึงมันอีก เข้าทำนองอ้อยเข้าปากช้างไปแล้ว จะไปเอาออกมาได้อย่างไร ใครจะกล้า

Sunday, March 26, 2006

แบ้คแพ็คจากนกแอร์


ไปซื้อเป้มาจากบนเครื่อง Nok Air สีสวยดี ราคาไม่แพงนัก 360 บาท ถูกกว่า backpack ของต่างประเทศที่มีขนาดเท่าๆกันที่ราคาใบละสองพันบาท ที่สำคัญคือขนาดใหญ่พอจะใส่ laptop ขนาด 15" ได้ ข้างในเป็นผ้ายางกันน้ำได้ ฝนตกก็ปลอดภัย ถ้าไปดูตามห้าง แบ้คแพ็คไทยส่วนมากมีขนาดเล็กกว่านี้

อย่างไรก็ดี เนื่องจากไม่มีโฟมกันกระแทก ผมเลยต้องใช้ซองกันกระแทกสำหรับใส่คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปขนาด 15" ของ Dicota ของสิงคโปร์ ราคา 700 บาทไว้ข้างใน (ซื้อได้ที่สนามบินชางอี)

Friday, March 24, 2006

ภูเก็ต เมืองของต่างชาติ


แวะไปเที่ยวภูเก็ตมา หลังจากไม่ได้ไปมานานหลายปี ความรู้สึกเปลี่ยนไป รู้สึกว่าเพิ่งเห็นเมืองไทยในมุมมองใหม่ ได้เห็นชัดๆว่า
ต่างชาติเข้ามากว้านซื้อที่ดินริมทะเลไปแยะ ทั้งที่มาสร้างเป็นโรงแรม และมาสร้างบ้านเรือนไว้พักผ่อน
ขณะที่กรุงเทพฯร้อนมาก ภูเก็ตเย็นสบาย และช่วงนี้ฝนตกทุกวัน

วิธีทำธุรกิจของต่างชาติ คือเอาเงินชาวบ้านไปใช้

พ่อค้่าสิงคโปร์นี่ฉลาดจริงๆ ใช้เงินชาวบ้านเอาไปหมุน เอาเงินในปัจจุบันไปแลกกับสัญญาเชิงฝันหวานในอนาคต และในราคาที่เขากำหนดขึ้นตามอำเพอใจ

ลองดูสถานการณ์ทำนองนี้แล้วคิดดูสิว่าใครจะตัดสินใจอย่างไร
สมมุติว่าถ้ามีบริษัทใหญ่น่าเชื่อถือมาเสนอกับเราว่า เขามีรถยนต์หรูราคาคันละหลายล้านบาทเอาหมุนเวียนให้ไว้บริการสมาชิก เรามีสิทธิใช่รถได้ฟรี ๗ วันเต็มในช่วงเวลาแต่ช่วงๆละสองปี ไปเรื่อยๆ และเรามีสิทธิเป็นสมาชิกไปจนถึง ๒๕ ปี โดยจ่ายเงินตอนนี้เลย ๓ แสนบาท (หรือดาวน์ ๒๕ เปอร์เซ็นของยอดนี้ แล้วผ่อนต่อไปอีกเดือนละ ๗ พันกว่าบาทไปอีก ๓ ปีเต็ม) เราควรจะซื้อสิทธินั้นไหม
ถ้า ๗ วันต่อสองปีเราไม่พอ จะเช่ารถนั้นเพิ่มก็ได้ จะได้ลดราคาค่าเช่ารายวันลง ๓๐ เปอร์เซ็นต์จากราคาเต็ม และหากว่าเราไปต่างประเทศยังมีสิทธิได้ลดราคาค่าเช่ารถในต่างประเทศทั่วโลกจากบริษัทในสมาคมรถเช่าอีกกว่าสองพันแห่งอีกด้วย

ข้ออ้างของบริษัทที่มาเสนอขายคึอว่า ถ้าเราจะไปเสียเงินเช่ารถแบบนี้ทุกๆปี ปีละสามสี่วัน จากราคาค่าเช่านั้นรวมกันแล้วสู้มาซื้อสมาชิกภาพไม่ได้
และเขาพยายามจะปิดการขายให้เราตกลงรูดบัตรเครดิตวางเงินมัดจำในทันที ภายใน ๑ ชม. โดยหลอกว่าถ้าตกลงเลยจะลดราคาให้ จาก ๔ แสนบาทเหลือ ๓ แสนบาท เราจะตกลงไหม (ถ้าคนจิตไม่โลภก็จะรู้ว่าเนี่ยเป็นละครแหกตา ราคาเว่อร์ๆ แล้วก็หลอกว่าลดให้)

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ถ้าตกหลุมไป เงิน ๓ แสนนั้นซื้อกรรมสิทธิไม่ได้ ได้แต่สิทธิใช้่งาน นอกจากนี้เรายังต้องมีภาระเสียค่าบำรุงรักษารายปีอีกปีละ ๕ พันกว่าบาทอีกด้วย ไม่ว่าเราจะใช้รถหรือไม่
ในทางตรงข้าม ต่อให้เราไม่ได้เป็นสมาชิก เราก็เอาเงินนี้ไปเช่ารถใช้เป็นบางปีหรือเช่าทุกปีก็ยังได้ ราคาไม่ค่อยแตกต่างกันมาก

อีกแง่หนึ่งคือ คนที่จะซื้อคือเรานั้นจะต้องเอาเงินสดตอนนี้ไปซื่้อโอกาสอนาคต โดยเชื่อใจบริษัท ต้องเอาเงินของเราไปให้บริษัทที่เราไม่่ใช่เจ้าของใช้ก่อน และเราก็จะไม่ได้ที่สถานะเป็นเจ้าหนี้บริษัทด้วย หากว่าบริษัทเลิกกิจการไป หรือเปลี่ยนเจ้าของเราก็อาจสูญเปล่า
แถมว่าถ้าเราเอาเงินก้อนนี้่ไปหาดอกผล หรือลงทุน ก็ยังจะได้ผลตอบแทนมากกว่าส่วนลดที่บริษัทนั้น

มาวิเคราะห์ดูดีๆ โมเดลธุรกิจของบริษัทนี้คือ ถ้่่าบริษัทนั้นสามารถสามารถหาสมาชิกได้สัก 50 คนก็จะได้เงิน 15 ล้าน เฉลี่ยแล้วเอาไปซื้่อรถได้สามคัน ปีหนึ่งมี 52 สัปดาห์ สองปีก็ 104 สัปดาห์ เผื่อรถเข้าอู่ซ่อมบำรุงด้วยสักสองสามสัปดาห์ต่อปี ก็ยังมีเวลารวมราว 3 x 100 = 300 สัปดาห์-คัน ก็เอามาหมุนเวียนให้ลูกค้าใช้สบาย แถมยังเอาไปให้คนอื่นเช่าได้อีกเป็นสัดส่วนที่แยะกว่าอีกด้วย (ซึ่งเขาอ้างว่าให้ลูกค้าภายนอกเช่าในราคาเต็ม แต่จริงๆแล้วเราไม่รู้หรอกว่า ราคาที่เขามากล่าวอ้างเพื่อขายสมาชิกภาพนั้นโอเวอร์ไปแค่ไหน) เขากำไรเห็นๆ ได้แยะมาก แถมบริษัทยังเป็นเจ้าของทรัพย์สิน หากเลิกกิจการก็ยังขายสินทรัพย์ไปได้เงินอีก

เอาละ คราวนี้เปลี่ยนเรื่องสมมุติกลับมาเป็นเรื่องจริงบ้าง โดยเปลี่ยนแค่ตัวสินค้าจากรถยนต์หรู เป็นห้องพักโรงแรมห้าดาวชายทะเลแทน อย่างอื่นคงเดิมทุกประการรวมท้ังจำนวนเงิน และความจริงที่ต่างไปก็คือ ราคาที่ดินและอาคารนั้นมีแต่เพิ่มขี้น ไม่มีลดลง แต่รถยนต์น่ะมีแต่เสื่อมราคาลง

เห็นฝีมือเสี่ยเมืองสิงห์โตหรือยัง ผ่องถ่ายเอาเงินจากกระเป๋าคนไทย(และฝรั่งจำนวนหนึ่ง) ได้เป็นเงินมหาศาล (ไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาท) ไปซื้อและสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่ตัวเป็นเจ้าของถือครองในประเทศไทย แล้วมาปล่อยเช่า โดยไม่ต้องกู้แบงก์เสียดอกเบี้ย

แบบนี้แหละเงินคนไทยช่วยเขายึดเมืองไทยไปในตัว

ข่าวเทวรูปพระพรหมที่โรงแรมเอราวัน

เมื่อวานนี้ อ่านเจอจากบางกอกโพสต์ว่าเทวรูปพระพรหม โดนคนวิกลจริตทุบแตก 

ข่าวนี้ก็เป็นการเตือนให้เห็นหลักความจริงที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้เรื่อง ไตรลักษณ์ คือ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา

ขนาดเทวรูปของพรหม ก็ยังโดนทุบพังได้ในวันหนี่ง ไม่ได้อยู่ยืนยงเป็นพันๆปี หรือตลอดไป

ผมดูแล้วก็รู้สึกสะท้อนใจนิดๆว่า คนไทยจำนวนมากขนาดเป็นชาวพุทธก็ไม่รู้หลักอภิธรรมของพุทธศาสนาให้เข้าใจ 

Saturday, March 18, 2006

Thai Tax online

Deadline of personal income tax filing in Thailand is the end of March.  Recently, I just submitted the tax form online at the Revenue Department 's website:-
http://www.rd.go.th/

At first I was a bit worried but Mac 's Safari browser could be used without any problem. Looks like their server uses JSP.

I heard from my friend that an excessive tax money withheld would be refuned by a check mailed within 2 weeks after the filing. Let's see how it will turn out for me.

(Note added a week later: I received a refund check in the mail within 7 days after my online filing. Pretty efficient.)

Another memorable picture at Three Pagodas Pass


This is another picture taken in November 2004 at the Thai-Burma border. The Myanma flag can be seen in the background.

I had been fascinated by the Three Pagados Pass in Thai history of war between Hongsawadee and Ayutthaya that I wished since my school-childhood to go there.

And that 's when my BMW hit a bump and had a problem with broken engine oil pan underneath and it had to be taken out and welded in a foreign country (beyond that flag). :-)  It 's a big joke among my friends that I had to "have a BMW fixed in Burma". (In reality, it is fixed in Thailand by Thai mechanics, but there was no gas-torch in the village that could weld aluminium alloy so it had to be removed and taken across the border to weld there.)  I still remember the Thai villagers' kindness and hospitality.
To conclude the story, after coming to Bangkok, I eventually decided to replace that welded pan a few months later anyway. That incident reminded me that I should consider buying a 4WD pickup or a SUV for driving around the country.

Sunset beyond Thailand


This is a memorable which picture I took near the Three Pagodas Pass in Kanchanaburi in November 2004, shortly before I left.  Since the location is only about 1 km from the Thai-Burma border, the distant view of sunset is apparently beyond the Thai border.  It is among my pictures taken at most western spot in Thailand.

Wednesday, March 08, 2006

Thai CD library ?

วันนี้ไปรื้อ CD ที่คิดว่าไม่ต้องการ หรือไม่ใช้แน่ๆทิ้งไปบ้าง ก็เลยได้คิดว่า คนทิ้งซีดีที่ไม่ใช้กันแยะ ไม่รู้ว่า หอสมุดแห่งชาติไทยจะเก็บซีดีไว้บ้างไหมหนอ ผมหมายถึงเก็บอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ผมเดาว่าคงยังไม่ ถ้าเป็นดังคาด ในอนาคตใครจะหา software archive เก่าๆ หรือ เอกสารดิจิตอลที่แจกไปแล้ว (อย่างเช่นรายงานประจำปีของบริษัทใหญ่ๆเดี๋ยวนี้ก็แจกเป็นซีดีเพื่อลดรายจ่ายค่าพิมพ์หนังสือเป็นแสนๆเล่ม เซฟได้แยะ) คงหาได้ยาก

Monday, March 06, 2006

Qos of True's broadband in Thailand as judged from VDO streaming 

ปกติผมไม่เคยนึกอยากดูวีิิดิโอสรีมมิงผ่านเว็บ เพ่ิงเมื่อวานเปิดดูการถ่ายทอดของ  ASTV เป็นเรื่องการชุมนุมที่สนามหลวงกับการเดินมาประท้วงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก่อนไปต่อยังทำเนียบ นับเป็นครั้งแรก ก็ฟังเพลินดี ดูอยู่หลายชั่วโมงตอนดึกที่บ้าน แต่ภาพเล็กมาก ขนาดติดบรอดแบนด์เซอร์วิส 256 Mbps แต่เอาเข้าจริงก็รับได้แค่แบนด์วิธ 56K เท่านั้นเอง แสดงว่า QoS ของ True ยังไม่ดีเท่าไร 

My 11 years old daughter and a laptop

Now it is summer vacation time and she started to have some free time on week days so she 's taken full possession of my old Atec Vegus Athlon (Windows ME) laptop, the Toaster as I used to call it.  I had installed 2 Barbie games for her in it, but later she installed 4 others herself without anyone's supervision. Installation 's not that difficult but I think it 's amazing that the kids in this generation could do a lot more things than grownups might imagine. I told her that in the next few years when she is in high school, I can get her a new laptop of her choice (or give her this current PowerBook if I happen to buy a new one then). I think I 'll teach her Unix commands and Perl (or Python) as well.

Saturday, March 04, 2006

กูเกิ้ลเอร์ธ Thai Google Earth

ไปดาวน์โหลดข้อมูลที่คนปักหมุดที่ต่างๆในประเทศไทยมาไว้ดู เริ่มมีีหลายหมุดน่าสนใจ

http://www.thaigoogleearth.com/index.php

Friday, March 03, 2006

My laptop costed an equivalent of 3.27 tonnes of grade A1 Thai jasmine rice

Pondering about various things, I eventually came to calculate how much my Mac PowerBook G4 that I bought over 3 months ago would cost Thailand's foreign exchange, in term of rice export. Since I have no idea about the price that that Thai rice dealers sold rice to overseas merchants, I use a Thailand's supermarket price for the grade A1 that I usually bought, each costing about 130 Baht per bag of 5 kg.  Converting the 85,000 Baht educational price I paid (if I remember correctly), that amounted to about 3.27 tonnes of jasmine rice (equivalent to my extended-family's consumption for 27 years). 

From that figure, now I can also see how much a foreign car would worth, a few hundred years' consumption of rice for my family.

สมองแก่ตัว

เคยอ่านเจอว่า คนที่อายุเลยยี่สิบไปแล้ว เซลล์ประสาทในสมองหรือนิวรอนจะตายไปเฉลี่ยอยู่ราวๆ 2% ทุกๆสิบปี ใครที่อายุราว ๕๐ ก็คงหายไปแล้ว 6% เทียบกับหนุ่มสาว

อันนี้เป็นเรื่องของสังขาร

แต่ว่ากันว่า เข้าสมาธิทุกวันจะช่วยได้

อีกอย่างก็อาจจะอัดพวกไวตามินเช่น ซี หรือ อี ไว้เป็นประจำ ก็คงชะลอได้บ้าง และก็เห็นว่า กินกาแฟประจำก็ช่วยได้

วันนี้ไม่มีอะไร รู้สึกรำคาญนิดๆที่บางทีนึกอะไรไม่ออก โชคดีที่ปลงอนิจจังได้ว่าเป็นเรื่องของไตรลักษณ์ และ
ที่แม็๋คก็มี spot light และมี Google ไว้บริการบนอินเทอร์เน็ต ช่วยค้นอะไรได้

Thursday, March 02, 2006

Thai Grid 's officially launched

March 1, 2006, Thai Grid 's officially started.

ราคาค่า โดเมนเนม ในกลุ่ม dot com และ dot net จะขึ้นราคา

สงสัยว่าต่อไป ใครจะจดทะเบียน domain names จะต้องหันไปใช้พวก dot org หรือ dot info กันมากขึ้นแล้ว เพราะข่าวออกมาเช้านี้ว่า VeriSign ได้รับอนุญาคจาก ICANN ให้ขึ้นราคาได้ปีละ 7-10% สี่ครั้งในกรอบ ๖ ปีจากนี้ไป (ส่วนอื่นยังไม่ขึ้น)

สำหรับคนไทย ถ้่าจะให้ไปใช้ dot co dot th หรือ dot or dot th น่ะหรือ ยุ่งยากเปล่าๆ เมืองไทยทำอะไรชอบเอาระเบียบราชการเข้าไปผูก แพงอีกต่างหาก

Wednesday, March 01, 2006

แม็ค มินิ ใหม่ จาก แอปเปิ้ล

เปิดตัววันวานนี้เอง แม็คมินิ น่าใช้ ชนิดซีพียู คอร์ดูอัล จากอินเทล ราคาไม่แพง สูงสุด 799 เหรืยญ ฮาร์ดดิสก์ 80 GB จะทำให้คนที่คิดเรื่องราคาเป็นหลักหันมาใช้แม็คมากขึ้น
แต่ถ้าจะซื่อไว้ใช้ที่บ้านนั้น คุยกับเพื่อนคิดว่า iMac 20" core duo น่าจะดีกว่า

ในส่วนตัวผมเองคาดว่าอีกสองปี คอมพิวเตอร์ระดับดีๆ อย่าง PowerBook จะเป็น 4 core และมี บลูเรย์ดีวีดีไดรฟ์ และฮาร์ดดิสน่าจะเป็น 200 GB สำหรับโน้ตบุ้ค จอภาพคงไม่ดีไปกว่านี้แล้ว ขนาดกว้่าง 1440 pixels สำหรับจอ 15" นี้ก็เพ่งจนปวดตาอยู่แล้ว

Tuesday, February 28, 2006

Picture of the end of the Death Railway line


This is a picture of the end of the currently operational rail line of the former WWII 's Death Railway line at Namtok (waterfall) Sai Yok Noi station in Kanchanaburi. I just took it few days ago. This channel must presumably be cut by POWs.
Interstingly, 180 degree backward behind myself taking this picture is the waterfall and the (now dismantled) railway path just run a few ten meters away in front of it only. I think it was quite an engineering feat to lay track like that in a formerly thick jungle with rugged terrain.

Monday, February 27, 2006

กุ้งอบภูเขาไฟ นครปฐม (Nakhon Pathom's Volcano-baked shrimp)


แม่ช้อยนางรำ ชวนชิมร้านนี้ ผมกินมากว่าสิบปีแล้ว ประมาณปีละครั้ง ระยะหลังไม่ค่อยได้มา ของอร่อยของเขาคือกุ้งอบภูเขาไฟ เป็นกุ้งก้ามครามเลี้ยง (Macrobrachium rosenbergii) ตัวโต อบน้ำมันงาใส่เครื่องปรุง จานที่เห็นนั้นกิโลครึ่ง จานละหกร้อยกว่าบาท จานข้างๆคือหอยนางรมสด กินกะยอดกระถิน อร่อยมาก ผมไม่กลัวไวรัสโรคตับอักเสบชนิดบีเพราะเคยฉีดยามาแล้ว

ไปเที่ยวกาญจนบุรี Kanchanaburi 's Death railway at Krasae Cave Station


ไปนั่งรถไฟข้ามสะพานรถไฟที่สถานีถ้ำกระแซ จ่ายไปคนละ ๕๐ บาท การรถไฟน่าจะได้กำไรสุดๆ ถ้ามีรถทัวร์มาทีนึงนักท่องเที่ยวก็เต็มขบวน ข้ามสะพานไปมารอบเดียว ๒๐ นาที ตรงช่วงนี้นับว่าวิวดีที่สุดละมัง เสียวนิดๆเพราะไม่รู้ว่าตอม่อสภาพดีแค่ไหน เช็คบ่อยแค่ไหน 

Saturday, February 18, 2006

มิลินทปัญหา


วันนี้ไปแวะร้าน มหาจุฬาบรรณาคาร ข้างวัดมหาธาตุ ใกล้ท่าพระจันทร์ ไปได้หนังสือมาหลายเล่ม รวมทั้งเรื่อง มิลินทปัญหา ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย มาด้วย ราคาแค่ ๓๐๐ บาท
พระอาจารย์พูดไว้เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน ว่าเป็นการโต้ตอบหลักธรรมแหลมคม น่าอ่าน ผมก็เคยรู้ประวัติมาก่อน ว่า เป็นการเฉลยปัญหานับร้อยข้อ โดยพระนาคเสน ซึ่งเป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งในราว พ.ศ. ๕๐๐ กว่าๆ ถวายกษัตริย์เมนันเดอร์ (Menandros) เจ้าปัญหา ซึ่งครองเมืองที่ดูเหมือนปัจจุบันจะเป็นที่ที่เมืองหนึ่งตั้งอยู่ในอัฟกานานิสถาน วันนี้เลยเห็นก็เลยซื้อมา ดูจะเป็นเล่มสุดท้ายที่โชว์บนชั้น วันแรกพลิกๆดูยังไม่ได้อ่านเล่มนี้ แต่ไปอ่านเล่มอื่นๆก่อน แต่ไม่ได้โพสต์พวกนั้น ไปอ่านเอาวันต่อๆมา
อ้อ มีคนแปลคัมภีร์นี้ไว้เป็นภาษาอังกฤษ ชื่อหนึ่งคือ Milinda's Questions

Sunday, February 12, 2006

อานิสงค์เบื้องต้นของการเรียนอภิํธรรม

ผมไปเรียนอภิธรรมแล้วคิดว่าดีอย่างไร

เรื่องนี้คงถือเป็นเพียงประโยชน์ในเบื้องต้นของผม
ผมรู้สึกจิตสงบมากเมื่อได้ไปวัด นับตั้งแต่เมื่อย่างเท้าเข้าในบริเวณวัด ผมค่อนข้างมีสติอยู่เป็นส่วนมาก กำหนดรู้ลมหายใจอยู่เป็นส่วนมาก ในช่วงครึ่งวันเสาร์และอาทิตย์นั้น ต่างไปจากการอยู่ที่บ้านหรือสังคมภายนอก
การตามรู้ลมนั้นเป็นการเจริญรอยดังตำสอนที่เป็นพุทธพจน์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราเองก็เป็นผู้มากด้วยอาณาปาณสติ

ความสงบของจิตนั้นเป็นความสุข

เมื่อเรียนอภิธรรม ท่านอาจารย์ไม่เพียงแต่สอนเนื้อหา แต่ได้สอดแทรกเกล็ดเล็กๆน้อยๆต่างๆ ทำให้รู้สึกสนุก และท่านยังได้กล่อมเกลาความเห็นต่างๆของเราที่อาจจะไม่ถูกต้องเพราะรู้เห็นมาตามกระแสความเชื่อในสังคม ให้เห็นถูก และท่านได้ให้มีการนั่งสมาธิช่วงสั้นๆ ทำให้เป็นการเพิ่มการปฏิบัติ และมีการกราบพระสวดมนต์

นอกจากนี้ยังได้พบเพื่อนญาติธรรมต่างๆอีกมาก
ของแจกก็มีเป็นประจำ โดยเฉพาะหนังสือธรรมะต่างๆ

ในเบื้องหน้า ผมหวังว่า จะได้เข้าใจหลักธรรมที่ล้ำลึกของพุทธศาสนามากขึ้นโดยลำดับ
ผมหวังจะพิสูจน์ตนว่าผมไม่ใช่คนประเภท ปทปรมะ
ผมปราถนาจะบรรลุธรรมในชาตินี้

quad-core cpu from Intel in 2007

เป็นตามที่ผมคาดไว้ในใจ ข่าวเพิ่งออกมาว่า ซีพียูชนิดสี่แกนจากอินเทลจะออกมาปีหน้า แต่จะเจาะตลาดเซอร์ฟเวอร์ก่อน ผมเดาว่า กว่าจะเจาะเครื่องแล็ปท็อปก็คงปี 2008 และตอนนั้น Blu-Ray DVD  ก็อาจจะราคาถูกลงแล้ว (ราคาตอนนี้ราวๆแผ่นละ $24) ผมกะเอาไว้แล้วว่า อีกสี่ปีก็ได้ฤกษ์เปลี่ยนแล็ปท็อปพอดี แน่นอนว่าเป็นเครื่องแม็ค ลินุกส์คงตามเรื่องลูกเล่นเรื่องยูสเซอร์อินเตอร์เฟสไม่ทัน OS-X

โพชฌงค์


ไปได้หนังสือ โพชฌงค์ จากห้องเรียนมายืมอ่าน
ต้นฉบับน้ันเขียนโดย พระกัมมัฏฐานาจริยะ อู บัณฑิตาภิวังสะ พระอาจารย์ชาวพม่า เขียนเป็นภาษาอังกฤษ แปลมาเฉพาะบทที่ ๔ ของหนังสือของท่่านเรื่อง The Seven Factors of Enlightment ฉบับแปลเป็นไทย พิมพ์แจกเป็นธรรมทาน ความหนาเพียง ร้อยกว่าหน้า อ่านแผลบเดียวจบ อ่านแล้วก็ได้ความเข้าใจดี ขออนุโมทนาบุญท่านผู้แปล ท่านผู้ตรวจสำนวนและเนื้อความ และผู้บริจาคทรัพย์ไว้ ณ ที่นี้

สรุปได้ว่่า โพชฌงค์ ๗ คือ ธรรมที่เป็นองค์แห่งการตรัสรู้ได้แก่

สติ
ธรรมวิจัย
วิริยะ
ปิติ
ปัสสัทธิ
สมาธิ
อุเบกขา

Saturday, February 11, 2006

Awaken

During the continuing anti-Thaksin saga in Bangkok, I think I must be among more and more Thai people who just awoke to realize the fact that more and more properties in our home country are no longer ours but owned by foreigners. Most of the banks, big companies, state's licensees, beach front homes, etc. are owned by foreigners. Sad story. It 's a karma.

Just a historical note, from the opinions in the web, it looks like about 98% of net users think he should resign although no polls explicitly said so on government TVs. Too bad most government officials are not brave and have not come out to and be on the educated public's side.

Friday, February 10, 2006

Tipitaka, abbreviated 1/45 in Thai language

I recently picked up a book I had bought over a decade ago from one of my dusty bookshelves. It is the abbreviated Tipitaka in Thai language, written by Aj. Sucheep Punyanuparb, long time ago, from the 45 volume tome of Thai Tripitaka. It 's fun to read and I spent several nights on it.
Today, I just found that someone has prepared its online version. Great. Neat.
The link is given with the title bar above.

By the way, the full version of Thai Tripitaka (from the 45 volumes) is also available at another site :-
http://84000.org/
together with the Buddhist Dictionary and mini-encyclopaedia. All are in Thai. I understand that this printed version of the Thai Tripitaka was published during King Rama VII's reign, or about 80 years ago.

The presence of comprehensive Buddhist tomes is a good reason why people interested in Buddhism used to study Thai language decades ago.

Monday, February 06, 2006

ปรมัตถธรรม Paramathadhamma


Here is a copy of a poster depicting Buddhism's Paramathadhamma (the name means the ultimate natural entities). There are 4 entities and they can be subdivided. The paper copy was freely distributed by Wat Srisudaram Foundation in Bangkok and I believe it would be O.K. to post here. I got my copy from my Apidhamma class. Larger size posters (such as for teaching in front of a classroom) are available, on sale, by the Foundation.

Saturday, February 04, 2006

ห้องสมุดวิชาการต่างประเทศเริ่มกลัวปัญหา DRM

ข่าวจาก BBC
ในอนาคต ห้องสมุดจะต้องบอกรับหนังสือ หรือวารสารในรูปแบบดิจิตอลมากขึ้น กำลังกังวลว่า แนวโน้มที่มีการพัฒนา DRM (Digital Right Management) หรือ ระบบจัดการการใช้ลิขสิทธิ์ เข้ามาควบคุมเอกสารแต่ละชิ้นว่า ใครเป็นเจ้าของ ใครอ่านได้ ใครอ่านไม่ได้ โดยสำนักพิมพ์ต่างๆ (ผมว่า น่าจะรวมไปถึง เจ้าของ multimedia และภาพยนต์ด้วย) จะทำให้ผู้ใช้ห้องสมุดใช้เอกสารในอนาคตยากขึ้น

Friday, February 03, 2006

Karma

กรรม หรือการกระทำเป็นเครื่องส่อเจตนา

ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

Tuesday, January 31, 2006

เทมาเส็กซื้อชิน จีอีจะซื้อแบงก์กรุงศรีฯ

ผมโพสต์ไว้ไม่นานมานี้เรื่่องต่างชาติฮุบเมืองไทย ในที่สุดก็เป็นเรื่องใหญ่โต ตอนนี้เรื่องแรกคือเทมาเส็กซื้อชินไปนั้น เท่าที่ดูจากเว็บคนกำลังโกรธกันใหญ่ ว่าเอาสิทธิประโยชน์ที่ให้คนไทยไปขาย และยังเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ และยังมีเรื่องซุกหุ้นภาค ๒ อีก เสาร์นีั้คงจะรู้เรื่องว่าบานปลายอีกแค่ไหน ส่วนเรื่องที่สอง เรื่อง จีอีจะซื้อแบงก์กรุงศรีฯ ยังเป็นแค่ข่าวที่ออกมา ยังตกลงกันอยู่ ไม่เรียบร้อย แต่เท่าที่รู้ ตอนนี้แบงก์กรุงศรีเป็นธนาคารเดียวที่ยังมีคนไทยถือหุ้นใหญ่ แบงก์อื่นน่ะไทยกลายเป็นส่วนน้อยไปแล้ว ถ้าซื้อได้ก็หมดเลย ธนาคารไทยแท้

(บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์สำหรับอนาคตเท่านั้น เพราะเป็นความตั้งใจมาตั้งแต่แรกว่าผมจะไม่ให้ความเห็นทางการเมืองในบล๊อกนี้)

ตัวอย่างของ ดวงจิต ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

ยามเมื่อรถติดไฟแดง สายตาสอดส่ายไปรอบๆ เรื่อยๆ เห็นสาวนางหนึ่งเดินกรายผ่านไป รูปอรชร หน้าตาดูดี รูปอาตมาพลันรู้ตัว แล้วบาลีก็เผลอเลื่อนไหลออกมาจากปากว่า

โสมฺนัสฺสสหคตํ ทิษฺฐิคตสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกํ

Saturday, January 28, 2006

หนังสือ วิปัสสนานัย เล่ม ๑


วันนี้เพิ่งได้หนังสือแจกฟรีมาจาก อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย ที่วัดสามพระยา มา ๑ เล่ม
คือหนังสือชื่อ วิปัสสนานัย เล่ม ๑ ที่เดิมรจนาโดย พระโสภณเถระ (มหาสีสยาดอ) เป็นภาษาพม่า ตั้งแต่เมื่อราวหกสิบปีมาแล้ว (พ.ศ. ๒๔๘๗) แปลและเรียบเรียงเป็นภาษาไทยโดย พระคันธสาราภิวงศ์ ตรวจชำระโดย พระพรหมโมลี จัดพิมพ์เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๔๘ และพระราชทานหิรัญบัตร ท่่านเจ้าคุณพระพรหมโมลี

หนังสือนี้ท่านแต่งขึ้นสำหรับประสานความเข้าใจพระและผู้ปฏิบัติธรรม ทีมีอยู่สองกลุ่มเข้าด้วยกัน คือผู้เคยเรียนอภิธรรมมา กับผู้ปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน จะได้เข้าใจมากขึ้น
ผมอ่านหนังสือเล่มนี้ไปแล้วบางส่วน ก็เห็นว่าน่าสนใจดี ก็เห็นด้วยกับที่ท่านเขียนไว้ในหนังสือของท่านว่า ถ้าผู้อ่านเคยเรียนพระอภิธรรม จะได้ประโยชน์มาก แต่ผมก็เห็นว่าถ้าคนที่ยังไม่ได้เรียน แต่มีความสนใจ เช่นผมก็เข้าข่าย ก็คิดว่าอ่านได้เรื่อยๆ ก็อ่านได้ และเห็นว่าเป็นประโยชน์ดี

ผมต้องขอขอบคุณ ท่านผู้แปลและเรียบเรียง และท่านผู้บริจาคทรัพย์ ที่สร้างหนังสือดีเล่มนี่้ไว้ด้วย ทุนทรัพย์คิดเป็นเงินก็กว่า ๑ ล้านบาท
ขออนุโมทนาบุญท่านไว้ ณ ที่นี้ หากว่าจะน้อมนำจิตใจให้บางท่านในอนาคต สนใจฝักใฝ่การปฏิบัติเพื่อมุ่งนิพพาน ก็ย่อมจะเป็นผลานิสงค์ยิ่ง

หนังสือผลงานของ อ. จำรัส เกียรติก้อง


วันนี้แวะไปชมงานแสดงผลงานในอดีตของศิลปินท่านนี้แล้ว ที่หอศิลป์แห่งชาติ จ่ายค่าชมไปสิบบาท ถูกแสนถูก (แต่หมดค่าหนังสือ และของที่ระลึกไปเป็นพันบาท) หนังสือที่ระลึก ปกแข็งเล่มละ ๘๐๐ บาท หน้าปกหนังสือนี้เป็นผลงานมีประวัติ และภาพนี้ท่านเขียนไว้ไม่เสร็จ เรื่องของเรื่องก็คือ คนที่เป็นนางแบบ(ไม่ทราบนาม)ติว่าท่านวาดไม่เหมือนตัวจริง อาจารย์ก็เลยโกรธ ขว้างทิ้ง ตอนนั้นยังไม่ได้ลงแววตา และก็ยังไม่ได้เซ็นชื่อด้วย คนอื่นเก็บเอาไว้ ได้ทราบว่าตอนนี้กำลังจะให้คนประมูลซ็้อไป เพื่อเอาเงินไปช่วยภริยาอาจารย์ที่ชรามากแล้ว

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คนจะสนใจมากไหม เพราะส่วนสำคัญที่สุดสองส่วนคือ แววตา กับ ลายเซ็น ไม่มี

Sunday, January 22, 2006

เรื่องที่จะให้เลิกท่องจำ

ข่าวจาก สำนักข่าวไทย บอกว่านายกฯสั่งให้เลิกท่องจำ ตั้งแต่ อนุบาลยัน Ph.D.

ผมไม่เข้าใจว่าเป็นการตรงประเด็นหรือไม่
ถ้าจะบอกว่าในการเรียนการสอน ให้เน้นการปฏิบัติ และให้เน้นความเข้าใจ มากกว่าการท่องจำ อันนี้ก็คงไม่มีอะไรคัดค้านกัน
(ปัญหาอยู่ที่งบประมาณ มีสื่อการสอน และอุปกรณ์ พอทุกโรงเรียนทุกชั้นหรือไม่ต่างหาก คงไม่ใช่ครูไม่อยากสอนแบบนั้น)

แต่ถ้านายกฯจะให้เลิกเลยจำทั้งหมด และกระทรวงศึกษาบ้าจี้ไป แบบต้องทำตาม 100% ก็อันตราย

เรียนภาษาอังกฤษ ก็ต้องท่องศัพท์ได้
เรียนคณิตศาสตร์ก๋็ต้องท่องสูตรคูณ
เรียนภาษาไทย ก็ต้องท่องอาขยาน
เรียนเคมีก็ต้องท่องสูตร ต้องจำสูตรโครงสร้างสารสำคัญได้
เรียนฟิสิกส์ก็ต้องจำสมการ และค่าคงที่ อัตราแปลงหน่วยต่างๆ
เรียนกฏหมายก็ต้องแม่นมาตรา
เรียนธรรมะ ก็ต้องแม่นบาลี
ยังไงๆก็ต้องจำ

ถ้าเด็กไม่จำ fact ก็จะสมองโล่งๆ ไม่มีอะไรเป็นหลักในการไปต่อยอดความคิดอีกต่อไป เสมือนจะสร้างตึกก็ต้องตอกเสาเข็ม

Thursday, January 19, 2006

โรคความใส่ใจสั้น และ การทำงานให้ดีขึ้น

TIME magazine เล่มล่าสุด 23 มกราคม 2006 ลงเรื่องแยะมากเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานของสมองและใจ
ได้แง่คิดดีๆที่เราตัดสินใจมาปฏิบัติ บวกกับการประยุกต์ของเราเองดังนี้ เพื่อแก้โรคความใส่ใจสั้น สมาธิสั้น หรือ Attention-deficit syndrome ที่เรามีแยะมาก

เป็น manager ที่ดี คือจ่ายงานให้คนอื่นเช่นลูกน้องทำงานให้เรา อย่ากั๊กงานไว้ทำเอง เพราะจะไม่ได้ทำ
เลือกทำงานที่สำคัญที่สุดก่อน
ตัดงานที่โดนร้องขอออกไป เว้นแต่จะโดนขอซ้ำ (เจ้านายบอกวิธีให้)
ถ้าจะทำอะไร ถามตัวเองว่า KPI คืออะไร ทำงานนั้นจะได้อะไร
ทำงานทีละอย่างให้เสร็จ อย่าทำสองอย่างพร้อมกัน จะประสิทธิภาพต่ำกว่า หรือคุณภาพงานแย่กว่า
ขณะทำงานอย่างหนึ่งอย่าคิดเรื่องอื่นจนกว่าจะเสร็จ
ขณะทำงาน เพื่อให้ต่อเนื่อง อย่าเปิดโทรศัพท์ไว้ อย่าเปิดอีเมลไว้ อย่าเปิดบราวเซอร์ดูข่าวหรืออะไรๆที่ไม่เกี่ยวกับงาน
ที่โต๊ะหรือประตูห้อง ติดป้าย "ห้ามรบกวนเด็ดขาด" เอาไว้ตามช่วงเวลาที่ต้องการใช้สมอง
หลับให้พอ วันละ ๘ ชม. ทุกวัน
กินอาหารประเภทปลาและผักที่มีสีบ่อยๆ
กิน antioxidant เช่น vitamin C & E และ น้ำมันตับปลา เป็นประจำ
ออกกำลังกายทุกวัน
เข้าสมาธิทุกวัน อย่างน้อยวันละ ๑ ชม. เพื่อเพิ่ม myelin และปรับการทำงานของสมอง

ความจริงรู้อยู่แล้ว บางอย่างก็ทำอยู่แล้ว แค่ประมวลไว้กันลืม

Wednesday, January 18, 2006

ต่างชาติยึดกิจการไทย คำทำนายเมื่อหลายสิบปีก่อน

จำได้ว่า เคยอ่านจากหนังสือ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เมื่อราวยี่สิบปีก่อนมาแล้วว่า ในหนังสือเขียนไว้ว่า หลวงพ่อ เคยกล่าวทำนายไว้ว่า ในอนาคต (จากที่ผมเคยคำนวณ กะๆเอาไว้ จากวันในหนังสือ) ประมาณ พ.ศ. 2551 ต่างชาติจะยึดเมืองไทย เราก็ค่อนข้างเชื่อว่าจะจริง เพราะตอนนั้นเทียบกับกรณีซุงที่นครศรีธรรมราชไหลมาทลายหมู่บ้านราบไปหมดหลังฝนตกใหญ่เมื่อสิบกว่าปีก่อนโดยที่ท่านทำนายไว้ก่อนหน้านั้นเป็นสิบปี
ผมดูๆตอนนี้ก็เข้าไกล้คำทำนายไปทุกที ในทางธุรกิจ บริษัทใหญ๋ๆและแบงก์ไทยก็โดนซื้อไปเกือบหมดแล้ว คงไม่นานต่างชาติก็จะมาถือหุ้นรัฐวิสาหกิจอีก ต่อไปถ้ายึดพวกบริษัทเอ็นพีแอล ก็ไปหมด ชาวไร่ชาวนาที่ทำกินหลุดไปเป็นของนายทุนก็แยะ ฝรั่งเข้ามาจับจองซื้อที่ิปลูกบ้านชายทะเลหรือบนเกาะก็มาก ต่อไปเมืองไทยก็จะมีพวก ลองสเตย์ อย่างคนแก่ญี่ปุ่นเข้ามาอีก เข้าข่ายคำทำนาย ถิ่นกาขาว อีกแหละ

วันนี้นึกได้ก็เลยจดไว้เป็นหลักฐาน อีกสองปีมาดูใหม่ว่าจริงไหม

Saturday, January 14, 2006

ระลึกกุศลทำไว้เมื่อปีที่แล้ว


ระลึกได้ว่า เมื่อปีที่แล้ว ตอนวันมาฆบูชา ผมอุตส่าห์มีศรัทธาขับรถไปทำบุญที่ วิทยาเขตใหม่ของ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อย ไปถวายเงินจำนวนหนึ่งบำรุงมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งนั้น และยังได้ไปกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหม่ที่ได้ประทานมาจาก พระสังฆราชของศรีลังกา จำได้ว่าตอนมัสการนั้นในใจอธิษฐานขอให้ได้เรียนรู้ธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คงจะเป็นเหตุนี้กระมัง ก็ทำให้เรามาเริ่มเรียนธรรมะในตอนนี้
ความจริง เมื่อมาทบทวนดู ก็ดูเหมือนว่าการเรียนจะเป็นภาระหนักอยู่เหมือนกัน แต่ว่าเมื่อได้ทราบอานิสงฆ์การฟังธรรม ตามที่พระอาจารย์สอนมาวันนี้ก็ทำให้คิดได้ว่า ดีแล้ว ที่ตัดสินในปุบปับเรียนเสีย แล้วก็ปฏิบัติตามความตั้งใจของตนตั้งแต่แรก เพราะไม่รู้ว่าถ้าไม่เริ่มตอนนี้่ จะได้เรียนเมื่อไร ชาตินี้หรือชาติไหน จะได้เรียนอีก

หาทรัพย์มามากพอเลี้ยงตัวแล้ว ต่อไปตายก็เอาไปไม่ได้ ดังนั้น ต้องหาบุญและปัญญาบารมีติดตัวไปบ้าง

เรียน อภิธรรม วันแรก (My first day of Apidhamma study)



วันนี้ไปเรียนวันแรกที่ วัดสามพระยา เรียกว่า อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย เข้าใจว่าเหมือนที่สอนที่วัดมหาธาตุ ถือว่าอยู่ใน มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย แต่ที่นี่ไม่หนาแน่นเท่า ลานจอดรถก็ได้แยะพอควร ผมเพิ่งเรียนเป็นหลักสูครแรก เรียกว่า ชั้น จูฬอาภิธรรมิกะตรี ได้ซื้่อหนังสือไว้หลายเล่ม มาไว้อ่านประกอบ ราคาถูกมาก รวมแค่ ๑๕๐ บาท เท่านั้น หนังสือว่าด้วย ปรมัตถโชติกะ ปริจเฉท ๑ ๒ และ ๖ ว่าด้วยเรื่อง ปรมัตถธรรม ๔ ประการ ได้แก่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน ฟังดูหัวเรื่องก็น่าสนุกแล้วแฮะ ในชั้นเรียนมีราว ๔๐ กว่าท่าน ที่แก่สุดเห็นเป็นแม่ชี ท่านน่าจะอายุสัก ๘๐ กว่าละมัง ที่หนุ่มสาวกว่าก็มี แต่ดูแล้วไม่มีรุ่นทีนเอจ เว้นมี เณร อยู่รูปหนึ่ง ท่านอาจารย์เป็นพระครู นักธรรมเอก ท่านสอนดี ไม่มีหลับ หัวเราะร่วนตลอด หลักสูตรนี่้เรียน ๖ เดือน เสาร์ อาทิตย์ ครึ่งวัน เรียนฟรี ตอนนี้เรียนไปก่อน ยังไม่รับลงชื่อแต่อย่างใด แต่วันนี้ผมก็ไม่อยากเป็นหนี้สงฆ์เลยหยอดตู้บริจาคช่วยค่าน้ำค่าไฟฟ้าไปแล้ว ตั้งใจว่าจะบริจาคช่วยทุกเดือน เห็นว่ารุ่นที่แล้วคนสอบผ่านหลักสูตรนี้่แค่ครึ่งเดียว แต่ความจริงเรียนไม่ยาก เพราะคนเฒ่าคนแก่กว่าผมหน่อยก็ยังมีเรียน แต่เพื่อนกระซิบว่า หลักสูตรนี้ท่องแหลก

แม่น้ำเจ้าพระยา Chao Phraya River, Bangkok 2006


ผมถ่ายรูปแม่น้ำเจ้าพระยาเอาไว้ เป็นวันสงบช่วงหยุดปีใหม่ ตอนข้่ามไปมาที่ท่าวัดระฆัง เลยโพสต์เอาไว้นี่สักรูป

พระนอนวัดโพธิ์


ไปวัดโพธิ์ ก็ต้องไปไหว้พระนอน รูปนี้ผมถ่ายไว้เอง แต่เป็นมุมกล้องที่โดนบังคับไว้ด้วยเสาสองต้น วิหารก็แคบมาก (อันที่จริง ควรบอกว่า พระนั้นองค์ใหญ่มาก คับวิหารจึงจะถูก) ก็เลยไปเหมือนๆกับที่เห็นคนอื่นๆุุถ่ายไว้ ผมตั้งใจโพสต์รูปไว้ เผื่อเด็กบางคนมาเจอรูปในอนาคต อาจจะได้ก๊อปเอาไปทำรายงานส่งคุณครูได้ไง (ผมหวังลึกๆเสมอว่า บล๊อกผมอาจจะเป็นประโยชน์กับเยาวชนบางคนในอนาคต ก็เป็นการช่วยเมืองไทยก้าวสู่ยุคความรู้อีกแรงหนึ่ง)

พระพุทธเทวปฏิมากร


เพิ่งอ่านเจอรูปท่านเมื่อไม่นานมานี้ อยากไปกราบ ก็ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาเลยแวะไปทำบุญที่วัดโพธิ์ หรือ วัดพระเชตุพนฯ เลยเข้าไปในพระอุโบสถ งามมาก แต่คนแน่นเอี้ยด ถามว่างามแค่ไหน ก็ขนาดว่า มีฝรั่งหญิงชายไปนั่งเงียบๆอยู่ด้วยมองอยู่เป็นนานหลายคน มีแหม่มคนนึง นั่งพนมมือแต้จ้องพระ ตาไม่กระพริบ สงสัยแกจะเปลี่ยนมาถือพุทธกระมัง (แต่ก็อย่างว่าแหละ แกนั่งไม่เรียบร้อย นั่งชันเข่ากางขา แต่เราดูแก เห็นแล้วก็ซาบซึ้งแล้ว) ผมเลยถ่ายรูปมาหลายรูป ก็ไม่ค่อยดี คงเป็นเพราะกล้องไม่ค่อยดี แต่เราก็ไม่ใช้มือกล้องด้วยแหละ รูปนี้เต็มขนาดมีละเอียดสวยดี ผมเลยเอามาเป็นแบ็คกราวด์บนเครื่องแม็คโน้ตบุ้คของผมแล้ว อ้อ ควรบันทึกไว้ตรงนี้ด้วยว่า ที่ใต้พระที่นั่งของพระพุทธรูป (ใต้พระ) บรรจุพระบรมอัฏฐิ ของ ร. ๑ เอาไว้

หอไตร วัดระฆัง เรือนไทยมีประวัติศาสตร์


รูปนี้ถ่ายไว้ตั้งแต่ช่วงวันปีใหม่ แวะไปทำบุญวัดระฆัง ไปกับครอบครัว ก็เลยไปเดินดูสถานที่สำคัญที่อยากไปดูมาตั้งหลายสิบปีแล้ว คือ หอไตร ที่เดิมเป็นบ้าน หรือ เรือน ของ พระราชวรินทร์ แต่ครั้งสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ต่อมาพอท่านขึ้นปราบดาภิเษก เป็น รัชกาลที่ ๑ ก็พระราชทาน ถวายวัด เป็นหอไตร กลางน้ำ (เพื่อกันปลวกกินพระคัมภีร์) ต่อมาสมัย รัชกาลที่ ๙ นี้บุรณะใหม่ ย้ายที่ใหม่ อยู่เยื้องๆพระอุโบสถ ข้างในมีรู้ลายรดน้ำปิดทองสวยงาม

ซีดีเพลงไทย บรรเลงเปียโน การกุศล


ผมไปซื้อซีดีเพลงไทย บรรเลงเปียโน การกุศล เพื่อมอบให้ มูลนิธิอาสา เพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย ชื่อ Piano-Opus 1 มาจากเพื่อนผม ซึ่งเป็นทีมงานจัดทำ ผมซื้อฟังเองด้วย และไว้แจกคนอื่นสองสามคนช่วงปีใหม่ ฟังแล้วก็ใช้ได้ เป็นผลงานของกลุ่มคนรักเปียโน ราคาไม่แพง เห็นจะว่ามีวางจำหน่ายทั่วไปด้วย คงเร่ิมวางขายช่วงนี้แหละ ถ้าใครจะทำบุญก็ขอให้ไปอุดหนุนของแท้ อย่าไปซื้อซีดีผีของเพลงชุดนี้

การ์ตูน สำหรับ วันเด็ก Thai comics for the Children's Day


วันนี้เป็นวันเด็กในประเทศไทย เลยจะพูดถึงหนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่ง ที่เพิ่งไปซื้อมาให้ลูกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คือ การ์ตูนเรื่อง อริยสงฆ์ จะได้สนใจพระ และ ธรรมะ มากขึ้น เขาก็กำลังอ่านดูอยู่ตอนนี้ สองวันก่อนผมหยิบมาแอบพลิกๆดูบ้างก็สนุกดี มีเกล็ดบางอย่างที่ไม่รู้มาก่อนเหมือนกัน หวังว่าเนื้อหาเขาคงไม่ผิดหรอกน่ะ

Friday, January 13, 2006

Westerners' meditation

I just revisited one of my old bookmarks and found this internal page. It shows that more and more westerners come to visit Thailand to learn its ultimate secret lesson of life, Vipassana meditation. Congratulations to them.

Keep notebook running with good efficiency

In the use of a Mac notebook computer, I just realized a number of things:-

Some widgets would wasted all the memory. I used to have one which occupied 2 GB of RAM in a G5 dual cpu machine. That one was thus long disabled. However, in the laptop, some widgets that you do not need should be disabled as well, since it would waste your cpu and RAM, and thus waste the battery.
Some widget also show abnormal high cpu load during off line: I just found that out when monitor cpu usage. When the laptop was just awaken from sleep at home, it would be off-lined unti I connect to the ADSL again, until then some widget might try its best to download some information (news) without any success, and it would keep cpu busy and your notebook would be getting hotter and wasting the battery.

I think having a software to monitor the cpu is good. And one must always watch out to monitor behaviors of one's own machine.

Wednesday, January 11, 2006

ต่อไปนี้ แล็ปท้อป หรือ โน้ตบุ้ค จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

ในรอบสองปีที่ผ่านมาต้องนับว่า โน้ตบุ้คคอมพิวเตอร์ที่วางขายในท้องตลาดโดยเฉพาะบ้านเราค่อนข้างดูน่าเบื่อ ไม่มีอะไรหวือหวาในเรื่องคุณสมบัติของเครื่อง มีแต่การเน้นการขายเครื่องสเป็คต่ำราคาไม่แพงเป็นหลัก ไม่ว่าจะไปดูที่ห้างใดๆ หรือตามแมกกาซีนก็ตาม สาเหตุหนึ่งคงเป็นที่ไมโครซอฟต์ออกโอเอสใหม่ล่าช้ากว่ากำหนดเดิมอย่างน้อยสองปี ทำให้ผู้บริโภคไม่มีเหตุจำเป็นต้องใช้เครื่องใหม่สมรรนะสูงมากนัก และอินเทลเองก็เพิ่งออกซีพียูใหม่ที่ใช้พลังงานต่ำสำหรับโน้ตบุ้คออกมาเร็วๆนี้เอง
จะมีก็แต่เพียง แอปเปิ้ล แม็คอินทอช ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ โอเอสเท็น รุ่น ๑๐.๔ ทีชื่อ ไทเกอร์ เท่านั้น ที่ทันสมัยลำ้หน้าเพียงพอที่จะต้องการซีพียูรุ่นใหม่ และเป็นโอเอสระบบ ๖๔ บิท ไม่ใช่ ๓๒ บิท ทำให้การประกาศในสุนทรพจน์เของ สตีฟ จ้อบส์ ซีอีโอของ แอปเปิ้ล ในงานแม็คเวอล เรื่องจะออกจำหน่ายโน้ตบุ้ครุ่นใหม่ในเดือนหน้า ในรุ่น แม็คบุ้ค โปร ที่ใช้ ดูอัลคอร์ ซีพียู กลายเป็นรุ่นชั้นนำไปในทันที ในราคาคงเดิม มิใยที่ เดล จะพยายามออกข่าวเครื่องรุ่นใหม่ของตนออกมาตัดหน้าพร้อมๆกันก็ตาม

เชื่อว่าปีหน้าผู้ผลิตโน้ตบุ้คบริษัทอื่นๆคงจะเปิดตัวดูอัลคอร์ออกมาอีกระนาว และราคาก็คงจะไม่เพิ่มไปกว่าเดิมเนื่องจากต้องทำราคาแข่งกับแม็คจากแอปเปิ้ล

คาดว่า กว่าเครื่องแม็คโน้ตบุ้ครุ่นใหม่จะมาถึงเมืิองไทย คงตกราวเดือนเมษายน ๒๕๔๙ ไปแล้ว ดังนั้นถ้าใครจะซื้อ ไฮเอ็นโน้ตบุ้ค รอซื้อแม็คตอนเมษายน น่าจะดีกว่า อย่างไรก็ตามมีคนให้ความเห็นว่า การซื้อเครื่องที่เปลี่ยนซีพียูใหม่ทันทีอาจจะเสี่ยงไปหน่อย น่าจะรอไปอย่างน้อยหนึ่งปี เพื่อให้ปัญหาต่างๆที่อาจจะมีได้นั่นโดนค้นพบและแก้ไขไปเสียก่อน และก็กว่าที่ซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ๆจะออกมาก็คงปีหน้าไปแล้ว อย่างของอโดบีก็ช้ากว่ากำหนด

Back to school, er ... quite an unusual one

จากการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานท่านหนึ่ง ผมเลยตัดสินใจทันทีว่าจะเข้าชั้นเรียนตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อนมาแล้ว รอแค่มหาวิทยาลัยเปิดเท่านั้น ซึ่งก็คือสัปดาห์นี้ แต่นี่เป็นไม่ใช่มหาวิทยาลัยธรรมดา ที่มีแต่วัยจ๊าบเรียน นี่เป็นมหาวิทยาลัยพุทธ คือ มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย คนเรียนมีทุกวัย และมีสมณเพศด้วย และการเรียนก็เป็นที่วัด และหลักสูตรก็ ๗ ปีครึ่ง แน่ะ หลักสูตรคือ พระอภิธรรม เรียนเฉพาะเสาร์และอาทิตย์ครึ่งวัน คอร์สแรกจะเปิดเสาร์นี่แล้ว จะเรียนไป ๖ เดือน ก่อนจะมีสอบ ผมรู้ว่าผมไม่มีเวลามากนัก และเสาร์อาทิคย์ปกติผมจะพักผ่อน หรือใช้เวลากับครอบครัว แต่ว่าคนเราอายุมากขี้นเรื่อยๆ เวลาเหลือน้อย จะทำอะไรก็ทำเสียนะ ผมว่าจะเรียนดูไปเรื่อยๆ

แล้วจะมาโพสต์ต่อ

My reaction to Jobs' speech at MacWorld

Gee. Awesome. Good news, new softwares, stuffs and services.

And the new Mac with Intel cpu ...
Argh...... , I just got my G4 PowerBook for only 2 months and they are releasing a dual core Intel cpu (4x faster) with a built in VDO camera at the same price next month.

My current G4 laptop (or notebook) is no match for my dual cpu G5 PowerMac tower and I think dual core in the new laptop will eliminate the minor observable stall in the laptop.

However, I think so far the screen resolution for the 15" G4 laptop is already great, 1440x960 pixels. Even currently-selling Vaio is no match. I can not see any notebook PC with better screen resolution than this PowerBook, and I don't expect one in the future since this tiny pixel size already strains my aging eye-sight. :-)

Looks like in 4 years time, I 'll buy a tetra-core Mac laptop then. No way to go back to Windows: although using Linux is O.K.

Monday, January 09, 2006

กูเกิ้ล เริ่มขาย วีดีโอ และ รายการทีวี ออนไลน์

ดูเหมือนยักษ์ใหญ่ Google จะเริ่มเปลี่ยน โมเดลธุรกิจ แล้ว จากเดิมที่ขายโฆษณาบนหน้าแสดงผลการค้นหาเป็นหลัก กับซอฟต์แวร์ที่ใช้ค้นหาบนระบบขององค์กร และบริษัทต่างๆ เร่ิมมาขายของเองแล้ว บน อินเทอร์เน็ต เป็นนโยบายเดียวกับ e-Bay คือเป็นนายหน้าคอยฟันค่าต๋ง โคยขายวีิิดิโอ แบบเดียวกับร้านที่ขายเพลงและวีดิโอให้ iPod เพราะว่า online transaction นั่นคือที่ที่เงินอยู่ นอกเหนือจากให้บริการ local listings & google earth

Friday, January 06, 2006

News: senate committee recommendations on amendments of the constitution

Agreeable.

Exhibition on work of Chamras Kiatkong at National Gallery

I noted down in my calendar that I really want to see the exhibition of a late Thai famous painter, Chamras Kiatkong, to be held at National Gallery from next week to next month.

จำนวนคนที่ใช้ Mac

ไปดูจากข่าวบนเน็ท ปรากฏว่าจำนวนคนใช้แม็คปีนี้่เพิ่มตลอด อย่างในเดือนธันวาคม 2548 มีคนใช้แม็คโอเอสอยู่ราว 4.35 % (เข้าใจว่าดูจากการใช้เว็บดังๆเป็นหลัก) เพิ่มจากเดิอน พฤศจิกายน 2548 ที่ 4.11% เห็นว่าเดือนเดียวเพิ่มอีก 0.24% ถ้่าให้ประมาณเอาเอง ผมว่าสิ้นปีหน้า กว่าวินโดวส์วิสตาร์จะออกมา จำนวนแม็คอาจจะเพิ่มอีกเป็นราว 6.5% ก็ได้ และตอนนั้นแอ้ปเปิ้ลก็จะออกโอเอสรุ่นใหม่ที่ดีกว่าไทเกอร์ออกมาชนด้วยอีก ที่เรียกว่า ลีโอพาร์ด หรือ OS-X 10.5 codename Leopard ตอนนั้น แม็คก็น่าจะยังมีคนใช้เพิ่มขึ้นอยู่ดี

ผมไปแวะร้านคอมพิวเตอร์ที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวมาเร็วๆนี้เอง ผมดูๆเครื่องโน้ตบุ้คที่ราคาเท่าๆกับแม็ค แต่ใช้ระบบวินโดวส์​ เห็นแล้วก็ต้องปลง ลำพังสเป็คเครื่องอย่างเดียวก็สู้แม็คโน้ตบุ้คไม่ได้แล้ว อย่างของยี่ห้อดังระดับโลกรุ่นหนึ่งราคาเกือบเก้าหมื่นบาท ความละเอียดของจอ ยังสู้ของแม็ค PowerBook ราคาใกล้กันไม่ได้เลย ถ้ายิ่งไปดูโอเอสด้วยแล้ว ยิ่งน่าใช้แม็คใหญ่ น่าสงสารคนส่วนมากที่พอจ่ายได้แต่ไม่เคยรู้จักแม็คจริงๆ ตอนนี้ความเห็นผมเหมือนๆกับแฟนของแม็คบนเน็ทไปแล้ว

Thursday, January 05, 2006

BusinessWeek, Asian edition, no more issues

I got what looked like an impromptu letter from BusinessWeek indicating that they would discontinue the Asian edition and mailing back a refund to me. However, they also offered me to subscribe either their global edition or online edition instead. I think I will get the cash back: not having much time to read these days. One day, a ten years old habit (like browsing this magazine) has to stop for some reason. This is a norm, or a part of Dhamma: a thing could be initiated, run, and terminated (like a life could be born, live, and die), called Triluks or "the 3 characters". A thing occurs because of a cause: Itappajjayata.

Incidentally, I learned later when I receive the last issue that they also discontinued the European version.

My PowerBook hanged. What a surprise !

For the first time, my new PowerBook hanged unexpectedly after few weeks. It might have caused by memory leaks. I am not sure if my toting of the notebook back and forth between home and office networks without shutting down might have caused confusion to the machine and be part of the problem or not. Luckily I saved my files often and I did not lose anything. Had I left opened a terminal before it stopped responding, I could check to see if I could kill some troubling process and avoid hard shutdown. That is a Unix way.

Monday, January 02, 2006

Changes in Thailand's IT scenario expected in 2006

There are 2 major issues which are related to IT and both of them just came out in the news a couple weeks ago.

1) The National Communication Board (perhaps I did not use its official name, nevermind) would liberate the setting up of international Internet gateways and now any Thai company (>51% Thai share ownership) would be allowed to do so: just informing the board. Previously, CAT and TOT, both former state's agencies, locked up as duopoly on the international gateway set up. As a consequence, Internet access cost has been expensive, since no other companies could set up an international link. Now I can see that in 2006 onward, the Internet access cost should slightly come down. Personally, this might not affect me immediately since I have a 1 yr contract with my current broadband Internet service provider (True Corp.) but perhaps my rate might come down in January 2007. Anyway, I can see that bandwidth will likely improve, both for Thailand's international bandwidths as well as domestic (inter-ISP) bandwidths.

2) The purchase of 250,000 PC for Thai public schools. The price tag of 13 billion Baht looked like they would be buying laptops but I guess that the price tag include the peripherals as well. I do not have strong objection on this too much, except that if the purchase is from each school, we would eliminate much of the corruption associated with centralized procurement of MOE. Against the wish of the Thai public, I guess politicians will try to milk benefit from this nevertheless and the central procurement will go on as usual: I can bet on that.

My major concern, however, is on technicality. I hope they would use the free (and yet higher stability) Linux OS with them, instead of buying the 3 yr old (virus prone and less stable) WindowsXP. (I have a sense that this wish of mine would not be a reality.) That would save billions of Baht from the software purchase. It will also generate millions of Linux users in the future. New generation of Thai should learn to use free softwares, not illegal softwares.

Also I wish that a part of the big budget would go to the development of the contents for the school. I also suspect that this wish of mine would not become true as well.

Will see in a few months how things will turn out.

Interesting Mac resource

Found a link from Bangkok Post article.
It is called the X lab. Useful for me.

First post for 2006: resetting my biological clock, hopefully

Passing another year: this New Year thing is just a supposed time line. For many other people it might mean party time: for many in the lower income bracket it 's just hard work to earn meager meals as usual. For me, New Year is just a reminder of my time running past half-time for my lifespan and a reset of my mind for the next one more year, hopefully with new improvement in a number of ways.

I have set several goals to accomplish. They are in my private notes in the laptop: not on public blog like this. Anyway, whenever I come back to see this blog, it would remind me to go back to see my targets again.

One thing in general I think I want to do is to double the rate of my biological clock. No, I don't want to get old too early, but I mean I want to get any jobs done twice as fast, at least. I do not have much time left, I need all the time I can spare. Every second counts. I 'll give it a try if I can do it.

Saturday, December 31, 2005

สวัสดีปีใหม่ครับ เพื่อนทุกคนที่แวะมา

นี้คงเป็นโพสต์สุดท้ายของปี พ.ศ. ๒๕๔๘ 2005 นี้ ต่อไปคงจะขี้นปีใหม่
ไม่รู้ว่าปีหน้าจะมีเวลามาเขียนบ่อยแค่ไหน อาจจะน้อยกว่าเดิมก็ได้่

ผมขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แต่ละท่านเคารพนับถือ
โปรดประทานพรให้ปีใหม่นี้ จงเป็นปีที่ทุกท่านประสบความสำเร็จในสิ่งที่ท่านประสงค์
ขอให้ท่านมีความจำเริญในธรรม เปี่ยมในคุณธรรมยิ่งๆขึ้นไป

สวัสดีปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๔๙ ครับ

Buddhism: philosophy or religion ?

I read some books recently and here is the conclusion. If some people just discuss it in academic or intellectual sense, it is just a philosophy for them:although I should add that it is a hugh subject (dozens of tomes). But for many who practice it in their lives, every breath, it is a religion.

Good summary, isn't it.

The World's largest jade Buddha statue


Today is New Year's eve so I decided to make some merit. I went to Wat Dhammamongkol, in Soi Sukhumvit 101, where the World's largest jade Buddha image is placed. Behind the statue, there was also a jade Guan-im, a chinese female-form of an incarnated bodhisatva. Both statues were sculpted over a decade ago from a 32 ton dark green jade block from Canada. The Buddha statue was crafted by an Italian artist. The King has given the name "Phra Mongkoldhamsrithai" to the statue, which had been meditated upon by the venerable Phra Sangkharaj and other meditation-master monks. I had read about it recently and decided to go to pay my respect. Seen in the picture, the white threads linked like web from the statue were just tied in by monks in preparation for a meditation ceremony to be held a week after this post.

Before I left, I donated some cash to join an effort to build a Buddhist Ubosot (or Uposot ?, the main congregation hall).

Oh, I forgot to mention that this Wat also has the biggest (perhaps tallest) traditional style Buddhist pagoda (Jetiya or Jedi). To me, it looks like Indian style structure except for the attached Vihara and the white pagoda at the top of the 11 storey-high building.

Thursday, December 29, 2005

ผ่านไปอีกปี เวลาผ่่านไปเรื่อยๆ

พุทธศาสนสุภาษิตบทหนึ่ง จำได้แต่คำแปล กล่าวไว้ว่า

วันคืนเคลื่อนคล้อย อายุเหลือน้อยลงทุกที

อีกบทกล่าวไว้แปลได้ว่า

เวลาผ่านไปอย่าให้ผ่านไปเปล่า จะน้อยหรือมาก ก็ให้ได้อะไรบ้าง

ผมรู้สึกว่าในปีที่ผ่านมาได้อะไรเล็กน้อยแต่เขียนออกมาเป็น KPI (Key Performance Index) ลำบาก
สงสัยจะ planning มากไป คือเขาบอกว่า แปลนแล้วนิ่ง
แย่จัง
ไปอ่านบันทึกส่วนตัวเมื่อปีที่แล้วกับตอนนี้ ยังไงก็ยังงั้น ไม่ค่อยมีอะไรใหม่
ทักษะเพิ่มไม่มากนักในความเห็นส่วนตัวยังไม่น่าพอใจ
งานก็ยังไม่ก้าวไปเร็วนัก
เริ่มใหม่ปีนี่ ต้องรีเซ็ท biological clock ให้มี frequency สูงขี้นหน่อยถ้าจะดี

ผลที่ตามมาอันหนึ่งคืออาจจะเขียนบล๊อกน้อยลง

ปีนี้นานกว่าปกติ

ข่าวที่เพิ่งเจอบอกว่า สิ้นปี พ.ศ. ๒๕๔๘ หรือ ค.ศ. 2005 นี้ นักวิทยาศาสตร์ตกลงเพิ่มเวลาให้อีก ๑ วินาที ทำให้ปีนี่ยาวกว่าปกติเล็กน้อย ตามเวลาที่กรีนิช แต่จะเป็นเวลา ๗ โมงเช้าวันที่ ๑ ม.ค. พ.ศ. ๒๕๔๙ แล้วในเมืองไทย ดูเหมือนโลกจะมีแนวโน้มที่หมุนรอบตัวช้าลงเล็กน้อย

Wednesday, December 28, 2005

ใช้แม็คแล้วดีอย่างไร คุ้มเงินไหม

How good is Mac and OS-X ? Is it worth the money spent ?

จะตอบคำปุจฉาข้างต้น ต้องอธิบายว่าก่อนผมจะเปลี่ยนมาใช้แม็ค โอเอสเท็น นั้น ชีวิตผมเคยเป็นอย่่างไรบ้าง

ก่อนหน้านั้น ผมใช้ระบบวินโดวส์ผมต้องอัพเดทข้อมูลนิยามของไวรัสทุกวัน อัพเดทข้อมูลของพวกสปายแวร์ทุกวัน และต้องเสียเวลาสแกนเครื่องราว ๔๐ นาทีทุกวัน
(ก่อนหน้านั้นเคยใช้แม๋็คนานมาแล้ว ก่อนจำต้องหันมาใช้วินโดวส์ตามออฟฟิส)
เครื่องระบบวินโดวส์เก่าของผมนั้นแฮงก์บ่อยมาก และวันละหลายๆครั้ง
นอกจากนั้นแต่ละวัน ก่อนจะใช้เครื่องแต่ละทีก็เสียเวลาบู้ทเครื่องหลายนาที และเสียเวลาชัทดาวน์เมื่อเลิกใช้
ส่วนเวลาทำงานนั้น ผมจำต้องเปิดหลายๆวินโดวส์ทำให้เต็มจอไปหมด การทำงานข้ามไปมาระหว่างหน้าต่างลำบาก แต่ละวินโดวก็เต็มจอไปหมด วินโดวอึ่นทับไปทับมากันวุ่นวายต้องไล่ปิดวินโดวจนหาเจอแล้วค่อยไล่เปิดมาใหม่
และคนที่มีแฟ้มเอกสารแยะๆอย่างผม วันหนึ่งสร้างไฟล์ใหม่ขี้นมาหลายๆสิบไฟล์ การจะไปหาแฟ้มเก่าที่ต้องการโดยใช้เสอร์ชในโอเอสนั้นยากในคอมพิวเตอร์ตัวเก่า และคำสั่งค้นหาในวินโดวส์นั้นมันก็ไม่เคยจำเอาเลยว่าแฟ้มที่เคยค้นไปแล้วเมื่อวานนี้มันอยู่ที่ไหน
และในวินโดวส์หากเปิดเอกสารขนาดใหญ่ โปรแกรมบางตัวไม่รับ หรือโหลดช้ามากๆจนเครื่องหยุดทำงาน และถ้าใครมีไฟล์ขนาดใหญ่สัก 500 MB ต่อแฟ้มอย่างผมละก็ คงจะเข้าใจ
และการดีลีืืทแฟ้มทิ้งจำนวนมากในคราวเดียวนั้น ผมมักทำเป็นประจำ ผมมักลบแฟ้มเก่าที่สำเนาข้อมูลไว้แล้วทิ้งทีหนึ่งหลายๆพันไฟล์ รวมขนาดก็หลาย GB ทำให้ระบบวินโดวส์นั้นแฮงก์
ระบบวินโดวส์ไม่สามารถรันยูนิกส์โปรแกรมไปในเครื่องได้ และในหน้าต่างคอมมานด์นั้น คำสั่งของ ดอส ก็ไม่ดีเท่ากับยูนิกส์ ต้องบอกว่าทำอะไรไม่ได้ แต่แม็ครันโปรแกรมยูนิกส์ได้สบาย โดยเฉพาะโปรแกรม 64 bit

ซื้อแม็คแล้วปัญหาข้างต้นหมดไปทั้งหมด และเป็นเดือนแล้ว ยังไม่ได้ปิดเครื่องเลย (เว้นหลังอัพเดทโอเอสใหม่) เวลาจะย้ายเครื่องไปไหนๆก็แค่ sleep และมันจะตรวจเจอเน็ตเวอร์คใหม่ให้โดยอัตโนมัติ

แม็ดได้ชื่อว่าเป็นระบบที่ user interface ดีที่สุดในโลก โดยเฉพาะรุ่น Tiger (OS-X 10.4) ที่มีคุณลักษณะดีๆแยะมาก และซอฟต์แวร์ฟรีก็มีให้ดาวน์โหลดมาใช้อย่างพอเพียงโดยไม่ต้องซื้อ เคยอ่านเจอเมื่อไม่กี่เดือนก่อนว่า ขนาดเจ้าของ Linux คือ Linux Torvalds ก็ยังใช้ Mac ในการทำงานพัฒนาระบบลินุกส์ เพราะมันใช้ดีจริงๆน่ะสิ

อ้อ วันก่อนก็เห็นรูปใน หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ลงภาพประธานบริษัทโตโยต้าแถลงข่าว เขาก็ยังใช้แม๋็ค รุ่นเดียวกันกะผมเลย (PowerBook)
และก็ที่สำคัญแม็คก็ยังใช้กับบรอดแบนด์ ของทรูก็ได้ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ในปีที่ผ่านมานี้ มีคนเปลี่ยนจากวินโดวส์มาใช้แม็คแล้วราว ๑ ล้านคน
ราคาแม็คถ้ากระจายไปสักสามสี่ปีก็ไม่แพงอย่างที่คนเข้าใจ และราคาก็รวมค่าซอฟต์แวร์ที่จำเป็นไว้แล้ว และโอเอสกะซอฟต์แวร์จากแอปเปิ้ลยังอัพเดทให้เป็นประจำฟรีผ่านเน็ตเวอร์คทุกๆสองเดือนอีกด้วย

แม็คก็เหมือนรถยนต์ ถ้าคุณพอมีสตางค์ซื้อรถเก๋ง ก็เลิกขับรถอีแต๋นดีกว่า ใช่ไหมล่ะ

มีข่าวล่าสุดเพิ่งเจอรายงานบอกว่า จากสถิติการใช้เว็บหลักๆของนานาชาติ ตอนนี้เฉลี่ยเป็นเครื่องแม็ค ราว 4.11 % คงหมายความถึงอเมริกาเป็นหลักละมัง เมืองไทยน่าจะน้อยมากๆ อย่างไรก็ดี ก็น่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้น

Thai lunar calendar for B.E. 2549 / 2006

วันพระ ขึ้น แรม ใน พ.ศ. ๒๕๔๙
Buddhists' Dhamma Savana Days (Dhamma observation days)
According to Thai lunar calendar for B.E. 2549 / 2006

ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๒ - ๗ มกราคม
ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๒ - ๑๔ มกราคม
แรม ๘ ค่ำ เดือน ๒ - ๒๒ มกราคม
แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๒ - ๒๙ มกราคม ตรุษจีน

ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๓ - ๖ กุมภาพันธ์
ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ - ๑๓ กุมภาพันธ์
แรม ๘ ค่ำ เดือน ๓ - ๒๑ กุมภาพันธ์
แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ - ๒๗ กุมภาพันธ์

ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๔ - ๗ มีนาคม
ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ - ๑๔ มีนาคม
แรม ๘ ค่ำ เดือน ๔ - ๒๒ มีนาคม
แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ - ๒๙ มีนาคม

ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๕ - ๖ เมษายน
ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ - ๑๓ เมษายน
แรม ๘ ค่ำ เดือน ๕ - ๒๑ เมษายน
แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๕ - ๒๗ เมษายน

ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ - ๕ พฤษภาคม
ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ - ๑๒ พฤษภาคม วิสาขบูชา
แรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ - ๒๐ พฤษภาคม
แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ - ๒๗ พฤษภาคม

ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๗ - ๔ มิถุนายน
ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ - ๑๑ มิถุนายน
แรม ๘ ค่ำ เดือน ๗ - ๑๙ มิถุนายน
แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๗ - ๒๕ มิถุนายน

ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘ - ๓ กรกฎาคม
ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ - ๑๐ กรกฎาคม อาสาฬหบูชา
แรม ๑ ต่ำ เดือน ๘ - ๑๑ กรกฎาคม เข้าพรรษา
แรม ๘ ค่ำ เดือน ๘ - ๑๘ กรกฎาคม
แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ - ๒๕ กรกฎาคม

ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๙ - ๒ สิงหาคม
ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ - ๙ สิงหาคม
แรม ๘ ค่ำ เดือน ๙ - ๑๗ สิงหาคม
แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ - ๒๓ สิงหาคม
ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๐ - ๓๑ สิงหาคม

ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ๗ กันยายน
แรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๐ ๑๕ กันยายน
แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ๒๒ กันยายน
ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ ๓๐ กันยายน

ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ - ๗ ตุลาคม ออกพรรษา
แรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ - ๑๕ ตุลาคม
แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ - ๒๑ ตุลาคม
ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๒ - ๒๙ ตุลาคม

ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ - ๕ พฤษจิกายน ลอยกระทง
แรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๒ - ๑๓ พฤษจิกายน
แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ - ๒๐ พฤษจิกายน
ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑ - ๒๘ พฤษจิกายน

ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑ - ๕ ธันวาคม
(แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑ - ๖ ธันวาคม วันปีใหม่ไทยเดิม ไม่ใช่วันพระ)
แรม ๘ ค่ำ เดือน ๑ - ๑๓ ธันวาคม
แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑ - ๑๙ ธันวาคม
ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๒ - ๒๗ ธันวาคม

Tuesday, December 27, 2005

หนังสืออ่านสนุก Buddhist books (ต่อ)


เพิ่งไปได้หนังสือมาอีกหลายเล่ม ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาจาก ร้านนายอินทร์ ท่าพระจันทร์
ที่น่าสนใจคือ หนังสือแปลจากภาษาฝรั่งเศสชื่อ ภิกษุกับนักปรัชญา ยังอ่านยังไม่จบ แต่น่าสนใจมาก เป็นการสนทนาธรรมหรือปรัชญากันสองคน
ดูแค่ประวัติคนเขียนก็น่าสนใจแล้ว เพราะเป็นฝรั่งพ่อลูกกัน คนพ่อเคยเป็นศาสตราจารย์ทางปรัชญา คนลูกจบ Ph.D. Molecular Biology จาก Pasteur Institute ที่ปารีส เป็นลูกศิษย์ของ Jacob นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลกได้รางวัลโนเบล แต่ไปสนใจปฏิบัตธรรม ตอนนี่้บวชเป็นพระธิเบตมาได้ราว ๓๐ ปีแล้ว อ่่านอย่างคนสนใจธรรมะจะได้ความเข้าใจดีมาก

นอกจากนี้วันต่อมาผมก็ยังไปได้จากซีเอ็ดเป็น หนังสือของ พุทธทาสภิกขุ สองเล่ม ที่สำนักพิมพ์สุขภาพใจเอามาพิมพ์ใหม่ ปกแข็ง ถ่ายย่อจากฉบับเดิม คือ อิทัปปัจจัยยตา กับ ปฏิจจสมุปปบาท กำลังสลับอ่านกับอีกสองสามเล่มที่ยังไม่ได้เอ่ยชื่อ

เสาร์ที่ผ่านมา (ตอนที่ ๒)


ก่อนกลับ เดินตัดสนามหลวงแวะไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหอศิลป์ด้วย แม้ว่าภาพเขียนที่มีให้ชมที่นี่จะไม่ค่อยแยะเท่าของฝรั่ง แต่ก็ดีที่อย่างน้อยเมืองไทยก็มี หอศิลป์ ไปยืนจ้องผลงานห่างจากตาไม่กี่นิ้ว ทำให้รู้สึกได้ใกล้ชิดศิลปินแห่งชาติหลายๆคน งานที่แสดงของบางคนก็เป็นของญาติผู้ใหญ่ที่เสียไปแล้ว เช่น คุณลุงพิมาณ มูลประมุข และยังดูเหมือนอาจารย์จำรัส เกียรติก้อง ก็เป็นญาติห่างๆด้วย จำได้ว่าคุณพ่อไปงานศพท่านตอนผมเด็กๆ ยังมีหนังสืองานศพอยู่เลย

ขากลับเดินแวะไปเที่ยวที่ป้อมพระอาทิตย์ ตอนเด็กๆนั่งรถผ่านบ่อยๆ ไม่เคยแวะสักที จนลูกผมยังเคยมานั่งเขียนรูปที่นี่กับครูหลายปีก่อน เขามาที่นี่ก่อนผมอีก


จากริมแม่น่ำเจ้าพระยาตรงสวนที่ป้อมฯ สามารถมองเห็นสะพานพระราม ๘ ได้ดี

เสาร์ที่ผ่านมา (ตอนที่ ๑)


เสาร์ที่ผ่านมาเอาครุยปริญญาเอกไปเปลี่ยนกำมะหยี่ที่ร้านที่เคยตัดเมื่อราว ๑๗ ปีก่อน เพราะสีกำมะหยี่เปลี่ยนไปหมดแล้ว ร้านนี้ชื่อร้านอลังการ ใกล้วัดมหาธาตุ เกือบถึงท่าพระจันทร์ เปลี่ยนกำมะหยี่ได้ในราคา 2500 บาท ก่อนหน้านี้ รุ่นน้องผมเขาไปตัดครุยใหม่ทั้งชุดราคาชุดละ 12,000 บาท เขายืมฮูู้ดผมไปเป็นแบบเพราะจบยูเดียวกัน ผมเลยได้โอกาสสั่งเปลี่ยนกำมะหยี่เสียเลย ไม่งั้นไม่มีโอกาสไปแถวนั้น เผื่อปุบปับจะได้ใช้ ไม่รู้เมื่อไร แต่ต้องรอคิวยาวหน่อย อีกสองเดือนได้

บ่น

รถติดหนับบนทางยกระดับได้เป็นชั่วโมงๆ เพราะความประมาทของคนเพียงคนสองคน คนอีกหลายพันเดือดร้อน ค่าน้ำมันเสียเพิ่มรวมเป็นล้านบาท ไม่นับค่าเสียเวลา

จากข่าว นสพ. เมื่อวันก่อน ผมเห็นว่าคนที่ไต่ขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ จนเป็นผู้บริหาร ถ้าพื้นฐานเขานั้นจิตใจไร้คุณธรรมและจริยธรรมแล้วก็ย่อมเกิดความเสียหาย ทั้งส่วนรวมและตัวผู้นั้นเอง ต้องปลงสังเวช

Wednesday, December 21, 2005

China-Thailand FTA

From the news, as Thai Deputy Commerce Minister said the Sino-Thai Free Trade Agreement would not put Thai trade balance into deficit.

I do not believe it. It did, and affected both the country's trade balance at the macro level and small farmers and businessmen at the micro-economy level.
For example, Thai orchards' owners are going broke with influx of surplus Chinese fruits. How can you survive if you were forced to sell Rambutan for 5 Baht (about US 12 Cents) a kilogram, for example.

There are known barriers inside China, e.g. the various localities, whatever they are called.

Thailand should do the same, setting up local regulations to support local farmers, for example. Look at a living eukaryotic cell, there are several membrane bound organelles which serve as various intracellular compartments. Those were aimed to increase local concentration of metabolites and some biochemicals in needed in some areas. Five hundred million years of evolution can not be wrong. Cells would die if there is no intracellular compartmentation. A country should be likewise in term of local products.

ฐานข้อมูลบทความวิทยาศาสตร์

เริ่มต้น มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙ นี้ นักวิจัยจาก NSTDA จะสามารถเข้าใช้
Science Direct ซึ่งเป็นฐานข้อมูลของบริษัท Elsevier ผ่านเว็บ และเข้าดูเปเปอร์ฉบับเต็มได้กว่า 2100 journals

Sunday, December 18, 2005

Narai Palace in Lop Buri



I have wanted to post some pictures I took at the Narai Palace in Lop Buri 2 weeks ago. Here they are. The first one was an inner gate leading toward the innermost part of the palace. The other is the audience windown inside the "Dusitsawan Thanya Mahaprasat" Throne Hall where King Narai the Great came out to accept French envoy. We went there after 5 p.m. so the museum there was closed and another former royal residence building (of King Rama IV) was closed.

Lop Buri was the city I had wanted to visit. It 's a city my dad and my mom used to live before they got married. I spent only one day by driving there and did not have sufficient time to look around. Next time i will do some planning and will target other places as well.

Wednesday, December 14, 2005

Google map for Bird flu

Just check it out to see the locations of cases reported in the World map.

จะใช้กูเกิ้ลแม็ปได้อย่างไร

ตามไปดูที่ลิงก์ ว่างๆจะลองทำดู แต่ตอนนี้มีแม็ปไทยหรือยังก็ไม่รู้แฮะ

กฏทอง ๑๐ ข้อ ของกูเกิ้ล

บทความน่าอ่าน เขียนโดย CEO ของ Google

Tuesday, December 13, 2005

ขนมเปียกปูนแบบสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนหายไปไหนหมด

ไปซื้อขนมเปียกปูนมารับประทาน จากเมืองโบราณ รสชาดพอทานได้ แต่ก็เหมือนกับที่อื่นๆที่พอมีขายอยู่บ้างอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เขาตัดเป็นรูปทรงลูกเต๋าแทนที่จะเป็นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนแบบที่เราเคยรู้จัก ผมว่าอีกหน่อยเด็กรุ่นใหม่จะไม่เข้าใจว่าสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนน่ะมันเป็นไฉน คงรู้จักแต่ diamond หรือข้าวหลามตัด (หรืออย่างหลังก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน)

Post from home ADSL

I just signed up to ADSL service from True Corporation few days ago, using my existing phone line. I got a modem for 1 Baht in exchange for 1 year sign up, and to pay 590 Baht per month (for 256K/128K bps rate). After 4 days, my connection was up. It works fine for Macintosh just like my friend said so. Here the a post from home via my Powerbook at 5 a.m. Speed is fast.
Gosh. A lot of works needs to be done.

Friday, December 09, 2005

อนุสนธิจาก ลีกวนยู ให้สัมภาษณ์ วารสารไทม์

ประทับใจตอนหนี่งที่เขาบอกว่า ในสิงคโปร์ ประชากรมีเพียง ๔ ล้านคน คิดว่ามีผู้มีึความรู้และความสามารถสูงเพียง ๒ พันคน ที่มีศักยภาพจะเป็นผู้บริหารของประเทศได้ ประวัติการทำงานของคนกลุ่มนี่สามารถรวมใส่ไว้ใน thumbdrive เพียงอันเดียวได้ ผมติดใจที่เขาพูด ผมคิดเอาว่าแม้เมืองไทยจะประชากรมากกว่าราว ๑๘ เท่า แต่จำนวนคนที่มีความรู้และความสามารถสูงก็อาจจะมีไม่มากกว่าเขาก็ได้ และถ้าไปดูเรื่องระดับของคุณธรรมด้วยแล้ว ก็อาจจะยิ่งน้อยกว่าเขาก็ได้ ทั้งๆที่เป็นเมืองพุทธ นี่เป็นความรู้ส้กนะ

Tuesday, December 06, 2005

Good and Bad points on the new high-resolution screen 15" Apple Mac PowerBook


I have been using my new Apple Macintosh 15" PowerBook for about 2 weeks. Before I praise all of it, perhaps I should mention 2 of its shortcomings right here. First, the battery that came with it has been dead since the beginning , and now I am waiting a replacement from Singapore. This is a features that Apple touted about, it should be able to hold electrical charge for 5:30 hr of usage. Too bad, mine was probably among the first lot of this laptop model arriving in Thailand. Second, my keyboard did not contain Thai letters stenciled onto it. I could not blame other people, since I told Apple 's agent in Bangkok that I badly need to use it now that I had deadline of jobs coming so that 's why they sent one machine to me as soon as they got them out from the customs at the Bangkok International Airport. And that's why there is no Thai letters labeled on the keyboard. Now I do not want to send back to the Apple agent to have the keyboard stenciled, mainly bacause I don't want to be without the machine even for a day.

Apart from these two flaws, all others are great. To be continued on part 2 in a few days until I have cleared out my backlogged jobs first.

Merit making at Wat Phrabatnamphu



Few days ago, I and my family went to Lop Buri to make merit. Wat Phrabatnamphu is a famous temple when the former abbot received Magsaysay award a few years ago.
The temple is about 7 km east of the town and situated on the foot of a small limestone mountain, amid the vast field of blossomed sunflowers. It has been my intention for a few months to go to this famous temple which shelters a large number of terminally ill AIDS patients deserted by their relatives. Apart from donating Sangkha Dhana, we also donated some cash to buy foods and medicine, and coffins for the patients. We also visited the museum there which houses a number of bodies as a reminder of the norm of life: everyone must die some day.

Got a Birthday card from Siam Commercial Bank: Thanks


Last week, I got a birthday card from SCB in the mail. Inside the card, there is a pop-up purple flower and a message with a printed signature of the famous lady Bank MD. I have been a costomer of this bank for perhaps 25 yr and this is perhaps the first time I receive this card. Thanks a lot. I think SCB is the best in term of customer service in Thailand. This card is a good evidence.

Thursday, November 24, 2005

ได้แล็ปท๊อปตัวใหม่แล้ว 15" new Mac PowerBook

เพิ่งได้มาสักสองสามชั่วโมงนี้เอง แล็ปท๊อปตัวใหม่ 15" 1.67 GHz Apple Macintosh PowerBook อาจจะเป็นเครื่องแรกๆของรุ่นนี้ในเมืองไทย ตัวนี้เพิ่งเปิดตัวในสหรัฐเมื่อต้นเดือนนี้เอง
อะไรๆก็ดีหมดทุกอย่าง เว้นแต่ว่าตัวนี้เป็นเครื่องตัวโชว์ของร้าน เพิ่งส่งเข้ามา เลยยังไม่ได้พิมพ์ตัวอักษรภาษาไทยไว้บนคีย์บอร์ด ผมเลยต้องอาศัยคีย์ที่จำได้เอา ถ้าจะพิมพ์ภาษาไทย นานๆไปคงจะชินไปเอง ปัญหาอยู่ที่ตัวที่ไม่ค่อยได้ใช้ และก็ความรูู้สึกที่แตกต่างไปบ้างระหว่างคีย์บอร์ดเต็มรูปสีขาวของแอปเปิ้ลกับคีย์บอดบนแล็ปท๊อป

เปล่า นี่ไม่ได้โพสต์จากเครื่องใหม่หรอก แต่โพสต์จากเครื่อง G5 ตัวเดิมนั่นเอง

Thursday, November 17, 2005

ข้อคิดจากอินเดีย (ตอน ๒)

เมื่อตอนอยู่อินเดีย ผมมักตื่นแต่เช้า เพราะเวลาที่นั่นช้ากว่าไทยชั่วโมงครึ่ง ตื่นตีสี่ครึ่งที่นั่นก็คือเวลาที่เมืองไทย ๖ โมงเช้านั่นเอง
เช้าวันหนึ่งหนึ่งผมเปิดดูโทรทัศน์เคเบิลสารพัดช่องของอินเดีย สังเกตดูจำนวนช่องดูมากกว่ายูบีซีเมืองไทยเสียอีก มีหลายภาษา
ที่น่าสนใจก็คือ ประมาณ ๑ ใน ๓ ของช่องต่างๆเหล่านั้น ตอนเช้านั่นเป็นรายการทางศาสนาต่างๆลัทธิของอินเดียเต็มไปหมด ส่วนหนึ่งก็เป็นการบรรยายธรรมนั่นแหละ แต่ไม่เห็นมีรายการทางพุทธศาสนา
ที่น่าสนใจคือบางช่องก็เป็นการถ่ายทอดยันต์พิธีจากที่ต่างๆ มีช่องหนึ่งผมนั่งดูอยู่ครึ่งชั่วโมง ไม่เห็นมีอะไร ไม่มีพูดจาอะไร มีแต่คนเหยียบร้อยคนทำหน้าระรื่นชื่นชมอยู่
แต่ก็น่าสนใจ คือเป็นพิธีล้างเท้าโยคีที่เป็นศาสดาของเขา อันที่จริงน่าจะเรียกละเลงเท้ามากกว่า
เพราะว่าเป็นการที่คนหมู่มากมาระดมเอาครีมซึ่งน่าจะเป็นเนยมาละเลงที่เท้าของโยคีที่นั่งอยู่นั่น สักพักก็เอาของเหลวที่ดูเป็นน้ำผึ้งมาราดและล้างต่อ จากนั้นก็เป็นการเอาอะไรมาโปรย อาจจะเป็นดอกไม้ก็ได้
เห็นแล้วก็นึกเอาว่า คงเข้าทำนองโปะครีมบำรุงผิวสมัยใหม่นี่เอง
ผมได้ดูแค่นั้นก็เลิกดูต่อ
แต่รู้สึกเอาว่า บ้านเมืองเขาคงจะสนับสนุนให้คนประพฤติตามลัทธิของตนๆ เพื่อความเป็นสุขของสังคมที่ยากจนอยู่ทั่วไป
แหม เมืองไทยไม่เห็นมีมั่งแฮะพวกบรรยายธรรมตอนเช้าๆ เว้นแต่บางช่องมีก่อนปิดสถานีแพลบเดียว

ข้อคิดจากอินเดีย

ผมไปอินเดียสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าแม้ว่าคนส่วนมากจะยากจน บ้านเมืองจะสกปรก แต่ก็มีคนฉลาดมากๆ มีความรู้ลุ่มลึกระดับโลกอยู่แยะ
เหตุเพราะมีพลเมืองมาก และการแข่งขันสูง ทำให้คนต้องพยายามฟันฝ่าอย่างมากเพื่อให้ได้งานทำ (คงไม้ต้องบอกว่างานดีๆ) นักวิชาการก็เลยเก่งมากๆ
ขนาดไฟฟ้าดับแทบจะทุกชั่วโมงก็ยังทำงานดีๆออกมาได้มาก คิดเป็นสัดส่วนกับประชากรแล้วยังมากกว่าเมืองไทย
บ้านเราคงเป็นเพราะคนไทยมีความเป็นอยู่ดีกว่าเมืองแขกมาก คนจนมากๆมีจำนวนน้อยกว่า บ้านเมืองเราก็สะอาดกว่า แต่ผมดูๆแล้วคนที่ฉลาดมากๆน่าจะมีอยู่น้อย
เพราะบ้านเราเป็นเมืองสบาย อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ ฝกตกมาก อาหารไม่ขาดแคลน
ผมได้มีโอกาสฟังผู้บริหารของบริษัททางไบโอเทคแห่งหนึ่งของอินเดียเล่าว่า เมื่อเขาเปิดบริษัทสามปีก่อน ต้องการพนักงานราว ๒๕ คนเท่านั้น
แต่มีผู้สมัครเข้าไปถึงราว ๒๔๐๐๐ คน ผลสุดท้ายเลยคัดมาได้ราว ๓๐ คน จะเห็นว่า บริษัทเขาได้คนแบบหัวกะทิจริงๆเข้าไปทำงาน
ปัญหาหนึ่งที่เขาพบก็คือ เขาพบว่าบัณฑิตที่นั่นก่อนจะทำงานได้ต้องฝึกงานเสียก่อน เพราะบัณฑิตจบใหม่ยังไม่มีทักษะสูงพอที่จะทำงาน ผมได้ฟังก็เฉยๆในเรื่องนี้
บ้านเราปัญหาอาจจะแย่กว่ามาก เพราะมีมหาวิทยลัยใหม่ๆที่ปรับสถานะขึ้นมาสอนระดับปริญญาตรีแยะมาก แต่ดูแล้ว คุณภาพหลักสูตร และคุณภาพของคณาจารย์ส่วนมาก
ดูจะไม่ได้ปรับตาม มหาวิทยาลัยชั้นนำในบ้านเราบางแห่งบางหลักสูตรก็อาจจะมีปัญหาเรื่อง หลักสูตรไม่เคยเปลี่ยนเลยมาสี่สิบปีแล้วก็มี แม้ว่าโลกจะก้าวหน้าไปมากแค่ไหน
เผลอๆถ้าผมหรือใครกะจะเปิดบริษัทมั่ง คงต้องฝึกงานไม่น้อยกว่า ๖ เดือนละมัง

ไบโอไทแลนด์ กับธุรกิจไบโอเทคในเมืองไทย

งานไบโอไทแลนด์ที่ศูนย์สิริกิตติ์เพิ่งจบไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน งานนี้จัดปีเว้นปี โดย BIOTEC เป็นเจ้าภาพ ใช้เงินหลายล้านในการจัด นับเป็นการประชุมวิชาการระดับภูมิภาคในประเทศไทย ที่จุดประสงค์ของงานดีมาก
งานนี้มีเนื้อหาหลายส่วนที่ บางส่วนก็เข้าฟังได้ทั้งนักวิชาการ บางส่วนเหมาะกับนักธุรกิจที่สนใจทำทางเทคโนโลยีชีวภาพ และบางส่วนเหมาะสำหรับนิสิตนักศึกษา นักเรียน ซึ่งส่วนหลังนี้ฟรี
ผมมีโอกาสไปเข้าฟังการประชุมในช่วงหนึ่งที่ว่าด้วยธุรกิจไบโอเทค ช่วงนั้นได้รับฟังซีอีโอต่างชาติหลายคนมาบรรยาย สนุกมาก เสียดายคนไทยไปเข้าฟังไม่มากนัก
นักศึกษาดูจะไม่มีเลย อาจจะกลัวฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องก็ได้ หรือว่าคงไม่อยากเสียเงิน ถ้าพวกเขาได้มีโอกาสเข้ามาฟัง จะได้อะไรๆเยอะมาก อาจจะได้ไอเดียไปทำธุรกิจก็ได้
และยังมีการบรรยายช่วงหนึ่งว่าด้วยสิทธิประโยชน์ทางภาษี และเงินลงทุนด้วย นักว่ามีประโยชน์มาก
มีซีอีโอจากบริษัทหนึ่งของเกาหลี ผมได้ฟังแล้วผมประทับใจมาก เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้วย ทำงานสองงที่ ที่สถาบันวิจัย และที่บริษัท งานวิจัยของเขาที่ทำมาเป็นสิบๆปี เขาเอามาทำขาย
บริษัทเขาผลิตเอ็นไซม์แค่ตัวเดียวออกขายทั่วโลก สารพัดจะใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งในทางเทคนิคแล้วไม่ยากเลยจริงๆ ย้อนกลับมาดูตัวเองบ้าง
สมัยผมเรียนวิทยาศาสตร์ ผมก็เคยผ่านเรื่องพวกนี้มาแล้ว แต่ไม่เคยเลยที่จะดิดออกไปหาสตางค์ใช้จากการเอางานวิจัยไปทำเป็นธุรกิจ สงสัยว่าตอนผมเรียน ครูอาจารย์จะยังไม่ได้เน้นเรื่องนี้
ตอนเรียนปริญญาตรีอาจารย์ก็เฝ้าแต่สอนงานที่จะไปทำเป็นลูกจ้างบริษัท(ในห้องแล็บ)ให้ได้ พอเรียนโทก็เหมือนกัน พอเรียนเอกก็เฝ้าสอนจะให้เป็นนักวิจัย หรืออาจารย์ แถมติดทุนอีกต่างหาก
ต้องทำงานเป็นทาษไปกว่าสิบปี ทำให้ไม่มีความคิดเรื่องการทำธุรกิจเลยในตอนนั้น ดูเห็นเป็นเรื่องยากเกินเอื้อม วกกลับมาเรื่องงานไบโอไทยแลนด์ดีกว่า ผมว่าหลังงานนี้ผ่านไปแล้ว คิดดูแล้วก็น่าเสียดาย
ที่คนไทยส่วนมากที่มีศักยภาพจะทำธุรกิจไบโอเทคดูจะไม่รู้เรื่องงานนี้กันหรือกระตือรือร้นมาฟังมากกันเลย คนจึงไม่ได้ไปเข้าฟังมากนัก ทำให้คนเหล่านั้นพลาดโอกาสรับรู้เรื่องราวของการสร้างธุรกิจไบโอเทคในประเทศไทย
ไปอย่างน่าเสียดาย