Wednesday, January 31, 2007

ทดลองให้คอมเม็นต์ได้

บล๊อกนี้ปิดไม่ให้คอมเม็นต์ไว้นานแล้ว เพราะเนื้อหาในนี้ค่อนข้างเป็นความเห็นส่วนตัว และกลัวจะต้องตอบเรื่องที่เขียนไว้เมื่อนานมาแล้ว ต่างจากบล๊อกอื่นทางวิชาการของผมที่เปิดไว้แต่ก็ไม่ค่อยมีคนเขียน แต่วันนี้จะทดสอบดู ว่าเป็นอย่างไรถ้าเปิดให้คอมเม็นต์ได้ไว้สักพัก แต่คนจะให้ความเห็นได้ต้องเป็นสมาชิกของ blogger.com เท่านั้น หรือต้องมีอีเมล์ที่ gmail

Sunday, January 28, 2007

Schools in Viet Nam assisted by our Princess

I just found a good hearthening news from Vietnam News Service via Google 's news that our HRH Princess Mahachakri Sirindhorn has donated her personal money of USD 21,500 to the Viet Nam National Commission for UNESCO, to help upgrading 3 schools in the Quang Ninh, Ninh Binh and Hoa Binh provinces in northern Vietnam. I have not seen this in Thai news on the web (yet). I feel great.

I recall my earlier knowledge that HRH has help schools in Cambodia, and Laos. So this is the third country that I am aware of. I think her action, apart from her merit alone, will also create better relation between Thailand and neighboring countries.

From this news, I could not help but thinking about my own old personal view on past Thai governments. They could have done better than what they had done in the past. I think, for example, if they had given more scholarships to students from neighboring countries to come to study in Thailand, money will no doubt come back to Thailand 's economy and Thai Universities. And students and people of those countries would feel less animosity to Thailand and Thais, in part due to their narrowed views on "greedy" Thai merchants (and investors) in their countries.

ความคิดเรื่องพระอภิธรรม

เพิ่งไปงานสวดพระอภิธรรมมา ได้ยินตอนพระท่านสวดเริ่มต้นว่า "กุสลา ธัมมา อกุศลาธัมมา อพยากตาธัมมา" ก็ให้รู้สึกชื่นใจ เพราะเราพอจะเริ่มกระดิกหูบ้าง ช่วงนี้ก็กำลังเรียน เหตุสังคหะ ในปริจเฉทที่ ๓ ของอภิธัมมัตถสังคหะอยู่พอดีในชั้น จุฬอภิธรรมิกโท ซึ่งก็ว่าด้วย กุศลเหตุ อกุศลเหตุ อพากตเหตุ (อัพยากฤต นั่นแหละ)
จำได้ว่า สมัยหลายสิบปีก่อนนั้น เวลาไปงานศพ ตอนฟังสวดจะเป็นช่วงที่ผมคอยทำหูทวนลม เพราะไม่รู้ว่าพระสวดอะไร ต่อมาพอผมปรับปรุงตัวขึ้นหน่อย(ก็ยี่สิบปีมาแล้ว)ก็เริ่มจับลมหายใจแทน ทำอาณาปาณสติตามพระพุทธองค์ ใน มหาสติปัฏฐาน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าพระสวดอะไรอยู่ดี อยู่มาตอนนี้พอจะเริ่มเริียนอภิธรรมระดับ "ประถมสอง" ก็เลยรู้สึกค่อยยังชั่ว แต่หนทางก็ยังอีกยาวไกล อีก ๗ ปีเต็มกว่าจะเรียนจบ
ตั้งใจว่า ถ้าผมเรียนจบ จะเขียนหนังสือ ในหัวเรื่องว่า พระอภิธรรมในพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์ หรืออะไรทำนองนั้น ความจริงตอนนี้ก็พอมีไอเดียแล้ว แต่ยังคิดว่าตนเองรู้น้อยไปอยู่ ต้องรออีกหน่อย คิดว่าคนจบวิทยาศาสตร์มาเรียนอภิธรรมน้อยมากในประเทศไทย ก็ถ้าผมไม่เขียนแล้วใครจะเขียน
อีกอย่างที่อยากทำคือ เขียนคำอธิบายอภิธรรมเป็นภาษาง่ายๆ ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เอาแบบชาวบ้านที่มีความรู้บ้างอ่านได้ คนส่วนมากคงไม่มีวิริยะเรียน ๘ ปีเหมือนนักเรียนอภิธรรม ถ้าผมเขียนแบบให้คนทั่วไปพอเข้าใจ อ่านเป็นพ๊อกเก็ตบุ้คเล่มเดียวพอได้ไอเดียร์ น่าจะดี อย่างน้อยชาวบ้านจะได้เลิกมีทัศนคติที่ผิด ที่คิดว่า พระอภิธรรมนั้นใช้สวดศพอย่างเดียว เป็นอัปมงคล อันที่จริงตรงข้ามกับความจริง เพราะพระอภิธรรมนั้นเป็นธรรมชั้นสูงในพระพุทธศาสนา ที่พระไตรปิฎกกล่าวว่าพุทธเจ้าตรัสเทศน์พระอภิธรรมโปรดพุทธมารดา และต่อมา ทรงสอนพระสารีบุตร ดังนั้น ศิษย์สายพระสารีบุตรจึงได้ธำรงคำสอนพระอภิธรรมนี้สืบมาเกือบ ๒๖ ศตวรรษจนบัดนี้ พระอภิธรรมนั้นเป็นธรรมที่เป็นมงคลมากทีเดียว และคิดเป็นข้อธรรมถึง 42000 พระธรรมขันธ์ จาก 84000 พระธรรมขันธ์ในพระไตรปิฎก

โรงเรียนต้นแบบ

ดูทีวี เมื่อคืนวันก่อน สัมภาษณ์คุณ มีชัย วีระไวทยะ ในรายการของ สัญญา คุณากร
นานมาแล้วที่คุณมีชัยได้รางวัล ๓ รางวัล คือ แม็กไซไซ ยูเอ็น และ ไทม์
ประเด็นที่น่าสนใจคือเขาสร้างโรงเรียนต้นแบบขึ้นมา ที่จังหวัด บุรีรัมย์ ชื่อโรงเรียน ลำปลายมาศพัฒนา
เป็นโมเดล ดีเท่าโรงเรียนอินเตอร์ กำลังขยายเป็นมัธยมในอนาคต เน้นการเรียนรู้ด้วยเด็กเป็นศูนย์กลาง และ ความเสมอภาคระหว่างชายหญิง
และพ่อแม่ต้องมามีส่วนร่วมในการเรียน ที่เน้นกระบวนการเรียน ไม่ใช่การสอน ไม่มีสอบเข้า จับสลากอย่างเดียว
แต่ผมว่าโรงเรียนแบบโรงเรียน สัตยาไส ที่ลพบุรี ของ ดร. อาจอง ที่ลพบุรี ก็น่าสนใจด้วย เขามีสัมภาษณ์พ่อแม่ก่อนเข้า และมีการเข้าสมาธิทุกเช้า เด็กมีการพัฒนาทางคุณธรรมและความรับผิดชอบสูงมาก ผมชอบมากแต่ยังไม่มีโอกาสไปเยี่ยม
ผมสนใจอยากมีส่วนในเรื่องพวกนี้บ้าง กะว่าต้องรออีกสักสี่ปี รอเคลียร์งานก่อน คิดว่าอาจจะเข้าไปช่วยการสอน หรือมีส่วนร่วมอย่างใดอย่างหนึ่งกับสองโรงเรียนนี้ แอบฝันลึกๆว่าจะช่วยลงเงินได้ไหม แต่หากจะลงเงินแยะก็รู้สึกเกรงใจลูก จึงจดเอาไว้เตือนตนเองประสาคนขี้ลืมว่าจะทำอะไรสักอย่างในอนาคต

ประโยชน์ของการตามรู้กายตามรู้จิต

ทำไมพระท่านถึงให้พยายามตามรู้กายและจิตบ่อยๆ (กายานุปัสสนา และ จิตตานุปัสสนา) ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดสติขึ้นเอง พระอาจารย์ปราโมทย์ ท่านเคยสอนไว้นานมาแล้วว่า
สติที่เกิดขึ้นได้เองนั้นคือ มหากุศลจิตดวงที่ ๑ เกิดขึ้น คือดวงที่ชื่อ โสมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ แปลชื่อเป็นไทยได้ว่า จิตที่เกิดขึ้นโดยไม่มีการชักชวน พร้อมด้วยความดีใจ ประกอบด้วยปัญญา

ผมก็มาทำความเข้าใจและคิดตามเอาเองเพิ่ม ก็ได้ความเข้าใจเพิ่มเติมว่า ความจริงน่าจะรวมถึงดวงที่ ๕ ด้วย คือ มหากุศลจิตดวงที่ชื่อ อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ แปลชื่อเป็นไทยได้ว่า จิตที่เกิดขึ้นโดยไม่มีการชักชวน พร้อมด้วยความเฉยๆ ประกอบด้วยปัญญา ทั้งนี้ก็เพราะทั้งมหากุศลจิตดวงที่ ๑ และดวงที่ ๕ สองดวงนี้ต่างเป็นอสังขาริกจิต ไม่ต้องการอะไรมาเป็นตัวเหนี่ยวนำชักชวน จิตย่อมมีกำลังพอ เมื่อเกิดก็มีขนิกสมาธิสั้นๆ และ องค์ประกอบเจตสิกทั้งสองดวงจิตก็คล้ายกัน และก็ไปคล้ายกับกับ โสดาปัตติมรรคจิตดวงที่ ๑ เว้นเสียแต่ว่ามรรคจิตดวงนี้ และมรรคจิตดวงอื่นๆ ๒ ถึง ๕ ตลอดจนโลกุตตรจิตดวงอื่นๆทั้งหมด ไม่มีอัปปมัญญาเจตสิกสอง แต่มีวิรตีเจตสิกสามแทน โลกุตรจิตจึงไม่มีเรื่องสัตว์บุคคลเราเขาอยู่ในอารมณ์ และโลกุตรจิตก็เป็น ณาณจิต นั่นคือสมาธิต้องลึกกว่า ถีงระดับอัปปณาสมาธิ เป็นณาณที่ ๑ ในกรณีของจิตดวงที่ ๑ (และเป็น ณาณที่ ๒ ถึง ๕ ในจิตดวงต่อๆไป)
การตามรู้บ่อยๆที่พระอาจารย์ปราโมทย์สอน ก็คือให้เป็นการซ้อมไว้นั่นเอง ซ้อมไปๆทุกๆนาทีที่มีโอกาส หวังว่าวันหนึ่งกระแสจิตมันจะได้องค์ธรรมเจตสิกพอดี ก็ได้ โสดาปัตติมรรคจิตตัดฉับ นั่นคือความปรารถนาอันสูงสุด
แต่ปราถนาย่อมไม่ได้ เพราะนิพพานคือ วิราคะ แปลว่า ไม่ปราถนา
แหม ช่างเป็น พาราด๊อกส์เสียจริงๆ

Sunday, January 21, 2007

สารานุกรมพระพุทธศาสนา

ไปแวะร้านมหาจุฬาบรรณาคาร ข้างวัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์ เพิ่งใช้สิทธิบัตรนิสิตมหาจุฬาฯครั้งแรก ซื้อหนังสือหนึ่งเล่ม ได้ลด 5% คือ
สารานุกรมพระพุทธศาสนา ประมวลจากพระนิพนธ์ สมเด็จพระสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส จัดพิมพ์โดย มหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ฉบับพิมพ์ครั้งที่สอง ราคาเพียง 250 บาท แหมเราก็ยังต้องไปเอาลดราคาลงอีก อันที่จริงต้ังใจจะทดสอบสิทธิมากกว่า จริงๆไม่อยากได้ลดราคาหรอก

เป็นหนังสือดีมาก ว่างๆน่าอ่านเล่น คล้ายๆสารานุกรมของท่านเจ้าคุณประยุตต์ แต่เล่มนี้คัดตัดตอนมาจากหนังสือเก่าๆอายุร้อยปี ตามส่วนต่างๆ ก็เลยสำนวนเก่ากว่า

Thursday, January 18, 2007

เมื่อโหรทำนายดวงเมืองปี 2550 ไว้ไม่ดี

มีข่าวทั้งใน นสพ. และบนเว็บ เมื่อโหรทำนายดวงเมืองปี 2550 ไว้ไม่ดี ทั้งออกทีวีด้วย คนไทยดูจะเชื่อกันมาก และยิ่งเหตุการณ์ที่เชื่อกันว่า นักการเมืองที่โยงกับผู้สูญเสียอำนาจพยายามจะแย่งอำนาจรัฐคืนโดยการวางระเบิด และเตรียมปลุกม๊อบ อาจจะเกิดนองเลือดอีกมากในอีกสองเดือนข้างหน้า และจะมีการพยายามถล่มเศรษฐกิจของไทยโดยอาศัยฐานจากสิงคโปร์ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม่รัฐบาลไทยถึงยัวะสิงคโปร์นักเมื่อแม้วไปคุยกับรองนายกฯที่นั่นเมื่อสองสามวันก่อน

กรณีมีผู้วางระเบิด และข่าวเรื่องเตรียมการก่อการจราจลในกรุงเทพฯอีกในอีกสองเดือนข้างหน้า และก็การพยายามถล่มทั้งเงินบาทและตลาดหุ้นให้พังเท่าที่ผ่านมาเร็วๆนี้ และอาจจะมีอีกนั้น ตลอดจนคำทำนาย ถ้าจะพูดแบบวิทยาศาสตร์ ก็ต้องบอกว่า คงต้องดูต่อไปว่าเหตุการณ์ปีนี้จะเป็นดังข่าวลือ และโหรทำนายหรือไม่
แต่ใจคนไทยส่วนมากคงไม่ต้องถาม เพราะสุภาษิตไทยว่าไว้ว่า จิ้งจกทักคนยังฟังแล้วคนทัก(กรณีนี้คือโหรทัก)ก็จะไม่เชื่อได้อย่างไร

ก็ว่ากันไป

เพิ่มอีกนิดว่า เพื่อนผมคนหนึ่ง ที่ชอบเดินสายเที่ยววัดป่าทั่วประเทศเป็นอาจิณกระซิบว่า พระสายวัดป่าหลายองค์ที่มีฌาณท่านก็บอกลูกศิษย์ลูกหาสอดคล้องกัน เมื่อผมได้ยินอย่างนั้น ตอนนี้ผมก็เลยทะยอยล้างพอร์ทจากหุ้นหมดแล้ว ไว้รอลมพายุสงบก่อนค่อยลงทุนใหม่

ว่างๆก็บำเพ็ญภาวนา รักษาศีล สวดมนต์ ฟังธรรม ไปก่อนช่วงนี้

Sunday, January 14, 2007

พระทันตธาตุเจ้า พระเขี้ยวฝาง

วารสาร สัจธรรม ฉบับล่าสุด ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๑๙ ประจำเดือน มกราคม ถึง มีนาคม ๒๕๕๐ มีบทความหนึ่งกล่าวถึง พระทันตธาตุเจ้า พระเขี้ยวฝาง
ได้มาจาก พระธาตุจองไต เมืองเขมรัฐ เชียงตุง กำลังก่อสร้างพระธาตุเตรียมประดิษฐานที่ วัดป่าดาราภิรมย์ แม่ริม เชียงใหม่
น่าสนใจที่พระธาตุเดิม องค์พระนเรศวรเป็นผู้โปรดให้สถาปนาพระธาตุองค์เดิมไว้ และมีเส้นพระเกศาใส่ผอบไว้ด้วย (มีจารึกอักษรธรรมกำกับไว้) กับ พระพุทธรูปทองคำ และ สิงห์สัมฤทธิ์คู่หนึ่ง แต่ตอนนี้เก็บไว้ที่แบงก์ ไม่ได้ออกมาให้คนสักการะ
ว่างๆจะหาโอกาสทำบุญ และไปนมัสการในอนาคต

Friday, January 12, 2007

ตัวตน

สิ่งมีชีวิตมีความรู้สึกว่าอันนี้คือตัวเรา อันนั้นคือตัวเขา สิ่งนี้เป็นของเรา สิ่งนั้นเป็นของเขา สิ่งนี้เราควรได้ สิ่งนั้นเขาไม่ควรได้ สิ่งนี้เรามีสิทธิทำได้ สิ่งนั้นเขาไม่มีสิทธิทำ
ความรู้สึกว่า นี้คือฉัน และ ความรู้สึกที่สืบเนื่องจากความรู้สึกนั้น เป็นผลจากการปรุงแต่งของจิต
ในทางวิทยาศาสตร์ เรามีความรู้ว่าสิ่งต่างๆนั้นเกิดมาจากธรรมชาติ กายของเราที่เจริญเติมโตมานั้น วิทยาศาสตร์บอกได้ว่า มาจากอาหาร น้ำ และ อากาศ (ทางพระอภิธรรมจำแนกไว้ละเอียดกว่านี้ แต่จะยังไม่กล่าวตอนนี้) มันไม่มีอะไรเป็นของตัวเราเลยจริงๆ
พูดข้างบนนั้นง่าย หากไม่อาจละสักกายทิฏฐิได้ก็จะยังไม่เห็นด้วยอย่างแท้จริง

Tuesday, January 09, 2007

วันนี้วันดี

ผมจงกรมเกือบทุกวันๆละ ๑ ชม. มาได้สามสี่เดือนแล้ว
และช่วงนี้ก็ถือศีล ๕ ค่อนข้างบริบูรณ์ได้หลายวัน (ไม่ได้ตบยุง) เมื่อวานเข้าสมาธิทั้งเช้า และค่ำ และทำวัตรเช้า และค่ำ และจงกรมด้้วย มาเช้าวันนี้ตอนตีห้า ตอนสวดมนต์เกิดความรู้สึกเป็นนิมิตรภาพพระพุทธองค์ทรงแย้มยิ้ม(หสิตุปปาทะ) ทรงมีพระเมตตากับผม นับเป็นครั้งแรกที่รู้สึกอย่างนั้น หลังสวดมนต์แปลทำวัตรเช้า ก็เข้าสมาธิเพื่อฝึกสมถกัมมัฏฐาน แบบ อาณาปาณสติ ราว ๔๐ นาที พอสงบก็ได้เห็นแสงและเกิดปิติซู่ซ่าสักแวบหนึ่ง คิดว่าได้ถีงราว ฌาณ ๒ เรามีสติรีบปลงไตรลักษณ์ทันที รู้สึกพอใจมากพอประมาณ
นับเป็นครั้งแรกในหลายๆปีที่ผ่านมา เพราะสร่างซาไปนาน
ต้องหมั่นปฏิบัติต่อไป หวังว่าปลายปีนี้ควรจะมีโปรเกรส

Tuesday, January 02, 2007

เหตุการณ์บ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๔๙

เหตุการณ์ต่างๆในประเทศไทยที่เกิดขึ้นใน พ.ศ. ๒๕๔๙ ดูสอดคล้องกับเรื่องราวในพระไตรปิฎก เรื่องพุทธทำนาย พระสุบินของพระเจ้าปเสนทิโกศล กล่าวโดยสรุปคือ บ้านเมืองเป็นอธรรม เพราะผู้ยิ่งใหญ่ในบ้านเมือง(คนก่อน)ไม่ตั้งอยู่ในธรรม คนชั่วจึงกำแหง คนชั้นต่ำ(ทางด้านคุณธรรม)ขึ้นมาอาละวาด ประชาชนเดือนร้อน ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัย และเป็นไปตามวัฏจักร มีเจริญ ก็มีเสื่อม ควรปล่อยวางอย่าไปทุกข์ คนดีต้องมีสัมมาสติ และประพฤติธรรมต่อไป ไม่ย่อหย่อน เพียรทำสิ่งที่เป็นกุศล (กุศลแปลว่าฉลาด)

Monday, January 01, 2007

สวัสดีปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๐ Happy New Year B.E. 2550

ปีใหม่ โอกาสใหม่ ชีวิตใหม่ ความสดใสใหม่ๆ ความก้าวหน้าใหม่ๆ ทั้งชีิวิตและการงาน ทั้งทางโลก และ ทางธรรม