Saturday, August 30, 2008

สุนทรพจน์ของโอบามา ที่ประทับใจ

เมื่อสองวันก่อน โอบามา (Obama) กล่าวสุนทรพจน์ตอบรับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนอเมริกันถือกันว่าเป็นสุนทรพจน์ที่เยี่ยมมาก คนดูกว่า 38 ล้านคน นอกจากที่ดูในสนามกีฬาต่อหน้าเขากว่า 75000 คน
ผมไปดูจาก YouTube ที่ให้ลิงก์ไว้ข้างบน นานหน่อย ๔๒ นาที แต่ก็รู้สึกว่าดีมาก เขาเป็นนักพูดที่ยอดเยี่ยม และฉลาด มีความคิดความอ่านล้ำอายุที่ยังหนุ่มของเขา เขาน่าจะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐที่ดีมาก
ดูผู้นำในอนาคตของเขาแล้วก็เกิดอิจฉานิดๆ ว่าทำไมเมืองเขามีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ และมีกระบวนการคัดเลือกคนเข้ามาเป็นผู้บริหารประเทศที่โปร่งใส ได้คนดี ฉลาด และมีคุณธรรม ไม่เหมือนบ้านเรา ที่ได้แต่พวกซื้อเสียงเข้ามาในสภาตั้งแยะ แล้วก็เลือกใครก็ไม่รู้ ชาวบ้านไม่มีสิทธิเลือกอะไร คุณธรรมของนักการเมืองก็ก็ไม่รู้ว่ามีน้อยแค่ไหน มาเป็นผู้บริหาร
คงต้องโทษกรรม คือเจตนาในการกระทำของคนไทยเราเองนั่นแหละ มันเลยก่อให้เกิดวิบากอย่างในปัจจุบัน

สถานการณ์บ้านเมือง

ช่วงนี้สถานการณ์บ้างเมืองเป็นเรื่องที่คนไทยที่รู้ประสาส่วนมากเป็นห่วง (ยกเว้นบางกลุ่ม อย่างเช่น วัยรุ่นลูกหลานที่แค่ดีใจที่โรงเรียนหยุด และก็ดูโทรทัศน์รายการเกาหลีหาความบันเทิงไปเรื่อยๆ ไม่สนใจเรื่องอื่น) เชื่อว่าคนไทยทุกคนก็คงอยากให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว แต่ว่าบางคนก็ปรุงแต่งใจตัวเองมากกว่านั้น คืออยากให้เรื่องจบไปในทางที่ตัวชอบหรือต้องการ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวหรือกลุ่มของตัว (อันนั้นก็มากไปหน่อย)

แต่เพื่อนชาวพุทธนักปฏิบัติธรรมส่วนมากที่อยากให้เรื่องจบ เท่าที่รู้ ก็จะช่วยกันทำสมาธิทุกวัน สวดมนต์ แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ (คนก็เป็นสัตว์) เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของบ้านเมือง และเพื่อความสุขของโลก พวกเขาไม่อยากให้ใครเป็นอะไรไปจากเหตุการณ์ในปัจจุบัน เพื่อนชาวพุทธนักปฏิบัติเป็นผู้มีจิตใจสูง ระดับคุณธรรมสูง และหลายคนมีหลังจิตที่มากกว่าคนทั่วไป พวกเขาส่วนมากเป็นปัญญาชน แม้บางคนอาจจะยังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียนอยู่ก็มี เขามีความคิดความอ่านเรื่องการเมืองแน่นอน แต่ที่สำคัญที่สุด เขาเลือกที่จะไม่รับอารมณ์โทสะเข้าไปในใจเขา อะไรที่เขาไม่ชอบเขาก็รู้ตัวอย่างมีสติ จิตใจเศร้าหมองที่เห็นบางเรื่องเป็นอธรรมก็เฝ้ารู้ไป เห็นทุกอย่างมีเหตุ เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องดับไป เป็นอนิจจัง ทุกขัง และก็อนัตตา และพวกท่านเหล่านั้นก็มุ่งแต่จะแผ่ความเมตตาของพวกเขาให้เพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์ถ้วนหน้า นักปฏิบัติท่านเหล่านั้นน่าสรรเสริญ

ผมคิดว่าจะร่วมกับท่านนักปฏิบัติเหล่านั้นในการทำสมาธิภาวนาและเจริญเมตตาด้วยเหมือนกัน

Wednesday, August 27, 2008

โลกร้อนขึ้นจะทำให้ผลิตผลทางการเกษตรลดลง

ไปเจอข่าวในลิกง์ข้างบนโดยบังเอิญ น่าสนใจเพราะผมจะได้เอาไว้อ้างเวลาสอนหนังสือได้ ข่าวนี้อ้างนักวิชาการของอินโดนีเซียว่า หากอุณหภูมิสูงขึ้นเฉลี่ย ๑ องศาเซลเซียส จะทำให้ผลผลิตข้าวลดลง ๑๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วเขาก็กลัวว่าปัญหาข้าวไม่พอกินในประเทศเขาจะเลวร้ายไปกว่าเดิม

ปัญหาของโลกก็คือ อุณหภูมิมันจะสูงขึ้นหลายองศา และก็ผมไม่คิดว่าการลดลงจะเป็นแค่ปฏิภาคผกผันแบบเส้นตรง มันอาจจะเป็น ข้าวไม่ออกดอกออกผลเลยก็ได้
เท่าที่ทราบนักวิชาการไทยก็กำลังทำงานเรื่องปรับปรุงพันธุ์ข้าวของเราอยู่ เพราะปัญหานี้ก็จะกระทบไทยเช่นกันกับทั่วโลก แต่ผมไม่ทราบว่าเขาใช้เทคโนโลยี transgenic หรือการถ่ายยีนส์หรือไม่ ในส่วนตัวผมไม่เห็นว่า หากจะมีการใช้ก็จะไปเสียหายอะไร และผมเชื่อว่า เมื่อเวลานั้นมาถึงผู้บริโภคทั่วโลกก็จะรับได้ (อย่างผมก็เคยฉีดวัคซีนมาสิบกว่าปีแล้ว และวัคซีนนั้นก็ผลิดด้วยกระบวนการถ่ายยีนส์ ก็ปลอดภัยดี แต่ผมว่านะ คนไข้เกือบจะร้อยละร้อยละมัง ไม่เคยอ่านสลากยา ก็อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้บริโภคไม่เคยโวยวานในเรื่องนี้)

Tuesday, August 26, 2008

แผ่นดินไหวเกิดถี่มากในระยะนี้

เคยอ่านเจอบทความที่สัมภาษณ์คุณสมิทธิ์ ว่าหลังจากเกิดสึนามิใน พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นต้นมาความถึ่การเกิดแผ่นดินไหวบ่อยเพิ่มเป็นสิบเท่า แต่ในช่วงเดือนหนึ่งที่ผ่านมา ทำไมรู้สึกว่ามันถึ่จัง ที่อ่านข่าวเจอ แต่เกิดรอบประเทศไทยเป็นส่วนมาก อย่างในรอบหนึ่งวันที่ผ่านมา มีเกิดที่ ธิเบต อินโดนีเซีย และ นิวซีแลนด์
หวังว่าคงจะไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย หรือถ้าเกิดก็ขออย่าให้แรงนัก เพราะเมืองไทยนั้น โครงสร้างอาคารส่วนมากไม่ได้เตรียมรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวไว้ อาคารต่างๆมันจะพังและเมืองกลายเป็นแบบเม็กซิโกซิตี้เมื่อนานมาแล้วไป

Tuesday, August 19, 2008

สถานการณ์โลกปลายปีนี้

ตอนแรกผมแปลนว่า ช่วงปีใหม่นี้จะไปต่างประเทศ แต่ดูๆสถาณการณ์โลกแล้วไม่ค่อยน่าไว้ใจ อยู่เมืองไทยน่าจะปลอดภัยกว่า
ข่าวเรื่องที่ว่านั้นออกมาไม่บ่อย แต่คนที่ตามข่าวต่างประเทศอย่างผมจะรู้ดีว่า ช่วงเดือน พฤศจิกายน และ ธันวาคม ๒๕๕๑ ปีนี้ หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ เป็นช่วงเวลาที่วิกฤตของการเมืองระหว่างประเทศ นักวิเคราะห์ต่างเห็นตรงกันว่า มีโอกาสสูงมากที่จะเกิดสงครามตะวันออกกลางขึ้น ผมใส่ลิงก์ข่าวล่าสุดวันนี้ไว้ข้างบน ใครสนใจไปอ่านดูได้
ถ้าเกิดสงครามขึ้น ก็ไม่ต้องห่วงว่ามีผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อบ้านเราแน่นอน น้ำมันจะยิ่งแพงชึ้นอีก ของต่างๆจะแพงขึ้นอีก และ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกอาจจะแครชก็ได้

Sunday, August 17, 2008

Thailand 's hydrogen fuel cell for car

A news from Matichon Newspaper 's website, Mr. Sumit Israngkul Na Ayutthya, inventor of the hydrogen fuel cell said that he expected his reactors to be publicly on sale to interested car owners in about 3 months time. His tested car has run for 40,000 km without problem. His car uses 40% gasoline or LPG and 60 % hydrogen generated from deionized water.

I think that is an unbelievably good news.

เมฆแผ่นดินไหว seismic cloud ?


The picture was taken in Bangkok on August 5, 2008 around 6 p.m. by myself. The view was toward the north direction. I cheked back and found that around 5:08 p.m. there was a 5.3 Richter earthquake in Andaman sea. Perhaps that 's a seismic cloud.

การดันมาตราฐานใหม่ของซอฟต์แวร์ออฟฟิสผ่าน ISO

ในที่สุด มาตราฐานที่ไม่ใช่มาตราฐานก็โดนดันผ่าน ISO ตามคาด
บริษัทผู้ผูกขาดซอฟต์แวร์ออฟฟิสต้องการรักษาตลาดของตนไว้ และก็ทำได้
ไม่อยากจะใช้สำนวนที่ไม่สุภาพ สำนวนไทยที่มีคนใช้กันก็คือ เขาว่า "เตะหมูเข้าปากหมา"
คนที่จะเสียประโยชน์ก็คือผู้บริโภคในระยะยาว

Wednesday, August 13, 2008

คอนโดฯขึ้นไม่เป็นที่

จากข่าวในลิงก์ อ.จักรพันธุ์ กำลังพยายามต่อสู้กับโครงการสร้างคอนโดฯที่จะปลูกขึ้นข้างบ้าน ที่เป็นพิพิธภัณฑ์ด้วย

ผมเคยเจอปัญหาคล้ายกันเมื่อสิบกว่าปีก่อน มีคอนโดขึ้นหน้าบ้าน โชคดีที่บ้านผมไม่พัง ผลกระทบก็คือ แต่ก่อนนั้นซอยบ้านผมสงบเงียบ ตอนนี้จอแจมากขึ้นแยะ ก็ต้องทนไป อีกอย่างคือรับโทรทัศน์ช่องปกติไม่ชัดเพราะตึกบัง ก็เลยต้องติดจานดาวเทียมและจ่ายให้บริษัทเคเบิลทีวีรายเดือน

ถนนบ้านผมมีคอนโดขึ้นมาปีที่ผ่านมาหนึ่งหลังใหญ่ๆ กำลังจะขึ้นอีกหนึ่งหลังใหญ่ๆ

ปัญหาคือกฎหมายไทยไม่ควบคุมอะไรเลย เรื่องผลกระทบต่อชาวบ้าน คนตัวเล็กๆจะไปฟ้องร้องอะไรบริษัทใหญ่ๆได้
ผมมองข้ามไปไกลถึงเรื่องรถติด เมืองไทยนั้น ไม่มีกฎหมายที่พูดถึงเรื่อง flux หรืออัตราไหลของยานพาหนะ (ไม่รู้ว่าประเทศไหนมีอยู่ในกฎเทศบาลเขามั่งหรือเปล่า) แต่ผมเห็นว่า เมื่อไม่มีพูดเรื่องนี้ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็สร้างอาคารได้ทุกที่ตามชอบใจ สร้างเสร็จแล้ว คนในพื้นที่จะหายใจสูดเอาควันมากแค่ไหน รถจะติดเป็นชั่วโมงก็ไม่สนใจ ผลกระทบตอนนี้มันจะเป็นวงจรฟีดกลับไปในวงกว้าง เพราะถ้ารถติดเขตหนึ่งมันก็ส่งผลไปเขตอื่นๆด้วย

Monday, August 11, 2008

ยาดองเหล้า

ช่วงนี้กำลังสนใจการดองเหล้าสมุนไพร ก่อนหน้านี้เคยดองมาแล้วหนหนึ่ง เป็นผงสมุนไพร ของโอท๊อป มีอย่างเดียวคือ ม้ากระทืบโรง ก็รู้สึกว่ากินแล้วดี ตอนนั้นดองโดยใช้แสงโสม ก็กินมาเป็นปีแล้ว นานๆที (เดือนหนี่ง) ก็จิบครึ่งเป๊ก วันละไม่เกินหนึ่งครั้ง ส่วนมากกินตอนเย็นหลังอาหาร โดยเฉพาะวันไหนรู้สึกว่ากินอาหารที่มีไขมันสูง เลี่ยนจัด กลัวไขมันไปอุดหลอดเลือดหัวใจ ก็ต้องกินแอลกอฮอล์เป็น solvent ไปละลายเสียหน่อย ความจริงก็รู้ว่าผิดศีลห้า แต่เห็นว่านิดหน่อย ผิดไม่มาก เพราะไม่ได้อยากเมา แต่เพียงต้องการกินเป็นยาบำรุงร่างกาย และก็ไม่ได้กินทุกวัน

หลังจากไปไหว้หลวงพ่อโสธรมาเมื่อเร็วๆนี้ ก็แวะไปเที่ยวตลาดคลองสวนร้อยปี ที่อยู่ระหว่างฉะเชิงเทราติดกับสมุทรปราการ ไปได้ของมาหลายอย่าง อย่างหนึ่งคือสมุนไพรยาดอง ยี่ห้อ หลวงเขียน เป็นของปทุมธานี ราคาขายขวดละ ๑๘๐ ก็เลยซื้อมา ในนั้นเป็นขวดมีแต่สมุนไพร ไม่มีเหล้า มองดูข้างในมีอะไรต่ออะไรเห็นเป็นชิ้นส่วนกิ่งและเนื้อไม้สมุนไพรแพ็คแน่นไปหมด ก้นขวดมีน้ำผึ้งใส่ไว้ด้วย เขาระบุว่าในนั้นมีใส่สมุนไพรหลายอย่าง ได้แก่ กระชายดำ โด่ไม่รู้ล้ม ม้ากระทืบโรง กำลังเสือโคร่ง แก่นฝาง อ้อยสามสวน ดีงูเห่า โสม น้ำผึ้งป่า ฮ้อสะพานควาย กำลังช้างสาร กำแพงเจ็ดชั้น ชะเอม สะดาน ก็เลยซื้อเอามาเพื่อจะดองเหล้าที่บ้าน ก็ไปเอาสก๊อตซ์วิสกี้อายุเกือบยี่สิบปีลงไป ดองไว้เจ็ดวัน ก็จะชิม เทียวไปดูขวดมันทุกวัน มีฟองอากาศปุดๆ เพราะแอลกอฮอล์มันทำหน้าที่เป็น solvent ไปละลายสมุนไพรออกมาน้ำเหล้าเปลี่ยนจากสีทองกลายเป็นสีน้ำตาลแดงเข้ม และก็ไปไล่ฟองอากาศออกมาจากเนื้อไม้ที่ดองไว้ ระดับน้ำลดทุกวัน ก็ต้องหม่ันเติมเหล้าลงไปให้ท่วมทุกวันๆ ดูแล้วก็เห็นกิเลสรู้ตัวว่าน่ากินๆ และก็เห็นกิเลสที่เป็นความรักตัวเอง อยากให้ตัวเองแข็งแรง เห็นความเป็นอัตตา
เขาบอกว่าสมุนไพรในขวดนี้ดองเหล้าได้อย่างน้อยสามรอบ ก็จะลองดู ถ้าอร่อย และบำรุงกำลังจริงก็จะเอาไปฝากพรรคพวกชิม

เริ่มกินยาดองขวดใหม่มาหลายวันแล้ว ก็ปรากฎว่า รสชาดโอเค คล้ายกับดื่มไวน์เข้มๆ มีรสหวานในคอ คงเป็นของชะเอมกับน้ำผึ้งละมััง จิบวันละไม่เกินหนึ่งครั้ง เขาบอกให้ก่อนอาหาร แต่เรากินหลังอาหาร เพื่อละลายไขมันในอาหารอย่างที่บอก (แพ้กิเลสตามเคย คือ แพ้ความอยาก เป็นตัณหาอย่างหนึ่ง)

ร้านสเต็คเนื้อโคขุน ที่กำแพงแสน Steak shop at KU Kampangsaen

ความจริงไม่อยากสนับสนุนการกินเนื้อสัตว์ใหญ่ แต่โพสต์นี้เป็นเรื่องของการให้ข้อมูลมากกว่า

เมื่อเร็วๆนี้มีธุระไปมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสน เมื่อขับรถเข้าไปในแคมปัสกำแพงแสนของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เห็นมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ ชี้ทางไปร้าน Texas Steak, Cowboy Land ก็เลยสนใจ แวะไปชิมดู เป็นเนื้อโคขุนจากฟาร์มของมหาวิทยาลัย ปรากฎว่า เนื้อหวานอร่อยดีมาก ราคาไม่แพงเท่ากับของร้านโชคชัยสเต็คเฮ้าส์ ที่แน่ๆราคาถูกกว่าเนื้อโคขุนที่สั่งเข้ามาจากนอก วันนั้นผมสั่งทีโบนชิ้นเล็ก (๓๐๐ กรัม) มากิน ก็ปรากฎว่าชิ้นไม่เล็ก กินอิ่มกำลังดี โชคดีไม่สั่งชิ้นกลาง (๓๕๐ กรัม) หรือชิ้นใหญ่ (๔๐๐ กรัม) มาให้เปลืองสตางค์เปล่าๆ ก่อนเสริฟจานหลักเขามีสลัดถ้วยเล็กๆมาให้ และแถมขนมปังกระเทียมมาให้หนึ่งช้ิน ในจานหลักมีเฟร็นช์ฟรายส์มาให้ไม่กี่ช้ิน และก็ผัดสี่ห้าชิ้น แต่ก็พออิ่ม

อย่างไรก็ดี ช่วงนี้ผมพยายามไม่กินเนื้อวัวบ่อยนัก ปลายปีที่แล้วถึงต้นปีเว้นการบริโภคเนื้อวัวไปได้ครึ่งปี แต่ไปตบะแตกที่ฝรั่งเศส ก็ไปกินตาตาร์สเต็คของขึ้นชื่อที่นั่น และก็สเต็คแบบอื่นๆ ตอนนี้เลยกลับมากินเนื้อวัวเมืองไทยบ้าง แต่ก็พยายามไม่กิน สองสามอาทิตย์อาจจะกินเนื้อวัวครั้งหนึ่งเป็นอย่างมาก ร้านแม็คก็ยังเข้าไม่เกินปีละครั้ง เหตุผลหลักคือเพื่อสุขภาพตัวเอง เพราะเนื้อวัวไขมันมาก จับเป็นก้อน กลัวจะไปทำให้เส้นเลือดหัวใจเราอุดตัน เหตุผลรองก็คือช่วยทำบุญ ไม่ส่งเสริมการฆ่าสัตว์ใหญ่ไปได้บางส่วน แต่นานๆทีก็แพักิเลสจนได้ แต่ก็ตั้งใจว่า อีกไม่นานจะพยายามเลิกเด็ดขาด ต้องค่อยๆลด

ไปซื้อเต็นท์นั่งสมาธิมา

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาแวะไปทำบุญประจำสัปดาห์ คราวนี้ไปที่ วัดปทุมวนาราม ข้าง สยามพารากอน ไม่มีอะไรมาก ก็ไปหยอดๆธนบัตรตามตู้ต่างๆ ก่อนหยอดทีละครั้งก็ต้องทำใจให้มีความสุขก่อน จากนั้นก็นึกแผ่ส่วนกุศล แล้วก็หยอด ก็ทำแบบนี้ไปทีละตู้ ทุกๆตู้ ก่อนไปทำก็มีความสุข กำลังทำบุญอยู่ก็มีความสุข หลังทำแล้วก็นึกถึงบ่อยๆและมีความสุข

หยอดตู้เสร็จก็แวะไปซื้อของที่ร้านค้าของวัดริมประตูทางออก ตั้งใจมาก่อนแล้วว่าจะไปซื้อเต้นท์นั่งสมาธิ (meditation tent) ที่นี่มีขาย ราคา ๑๐๐๐ บาท ก็ไปซื้อมา แต่พอซื้อกลับมาบ้านแล้วก็คิดได้ทีหลัง อ้าว มันเป็นเต็นท์นั่ง แค่กว้าง ๑ เมตร ยาว ๑ เมตร สูง ๑ เมตร เอง นอนไม่ได้ แบบนี้ถ้าจะเอาไปใช้ในป่าก็คือ ต้องห้ามนอน ต้องนั่งบำเพ็ญเพียรอย่างเดียวทั้งคืน ไม่งั้นก็ต้องสลับออกมาเดินจงกรมข้างนอกสลับให้ยุงหามบ้าง แต่ปัญหาของตัวเราก็คือ เรายังไม่เคยนั่งสมาธิติดต่อกันเกินชั่วโมงเลย สงสัยจะไม่เวอร์คแฮะ หรือว่าจะต้องไปหาซื้อเต็นท์นอนมาในภายหลังก็ไม่รู้ ข้อดีของเต้นท์นี้ก็คือกางและเก็บง่ายมาก แต่ต้องรู้วิธีพับขดลวดบิดให้เป็นวง และข้อเสียที่เห็นอยู่ของเต็นท์แบบนี้เมื่อลองกางดูแล้วก็คือ ถ้าเกิดมีฝนตกหนักมากๆเต็นท์แบบนี้จะสู้ไม่ไหว เพราะไม่มีแผ่นกันน้ำฝนที่ด้านนอก นำ้ฝนจะซีมผ่านตะเข็บซิบเข้าข้างในได้ (แต่ว่า เขาก็แถมแผ่นพลาสติกมาให้อีกผืนกับตัวหนีบ ๔ ตัวนะ โถๆ อะไร จะมองข้ามในการออกแบบไปถึงขนาดนั้น)

ยังไงๆก็จะเอาไปลองที่สนามหญ้าหน้าบ้านก่อน และก็ต้องลองใช้ในวันที่ฝนไม่ตก อย่างน้อยก็นั่งตอนหัวค่ำ เต็นท์ก็ช่วยกันยุงไปได้แหละ

Thailand 's Gold medal at Beijing Olympic 2008

I did not watch TV yesterday, but I knew I had to check the net for the news in the evening about our Thai weight lifting girls. I was very pleased to see that one of our ladies, Miss Prapawadee, received her gold medal for the 53 kg class, the first for Thailand for this Olympic. I watched two VDO clips from Matichon newspaper 's website, one for the summary footages of her liftings and the other for the flag raising ceremony. When Thai National Anthem was played while the Thai flag was raised at the 1st level and her lips was singing along, I felt the pleasure which spreaded throughout my body and up to my skin and my eyes turned teary. I am sure she will be rewarded greatly by the Thai society for this service to the country.
(Thanks for the VDOs, Matichon ! )

After reading some more news from various presses, I then understand that she got the gold medal through her hard work and single mindedness for the past 13 years of practices for the Olympics. Four years ago, she missed a chance to go to the 2004 Olympic, and she was painful about that. Three and a half year ago, she then returned to the camp for practices and used that painful feeling as her very strong motivation to go for the gold this time. She said she knew she would get it and she did get it. I think that she deserved it after her strong determination and hard practices. I want to congratulate her in my blog here. Thanks, Prapawadee, for giving all Thais the happiness. (Although she might not have a chance to read this English blog.)

I think a lesson we all can see from her case is that, strong determination is one of the most important things for success.

Saturday, August 02, 2008

วิดีโอน่าสนใจ

จากลิงก์ข้างบน เพิ่งไปเจอมา เป็นวีดิโอสัมภาษณ์ ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา เกี่ยวกับโลกร้อน ฟังดูแล้วก็ได้ความรู้ใหม่ๆมากขึ้น และก็มีประเด็นให้เกรงกลัวมากขึ้น น่าไปดูไปฟัง
(แต่วีดิโอสัมภาษณ์นี่น่ารำคาญคนสัมภาษณ์ไปหน่อย ชอบพูดแทรก ไม่เห็นเหมือนฝรั่งเขาสัมภาษณ์เลย)

Friday, August 01, 2008

พลังงานจากแสง

ข่าวจากเว็บวันนี้ คือนักวิจัยของ เอ็มไอที พบวิธีเก็บพลังงานจากแสงในรูปการแตกตัวเป็นก๊าสไฮโดรเจนและออกซิเจน โดยวิธีใหม่ที่ง่ายกว่าเดิม ความจริงไม่ใช่แนวคิดใหม่ แต่ว่า สิ่งที่เขาค้นพบคือทำอย่างไรให้ง่ายและกรรมวิธีมีราคาถูกต่างหาก ตามข่าวนี้ เชื่อว่าภายในอีกไม่กี่ปี เมื่อพัฒนาต่อไปอีกไม่นาน การใช้แสงในการผลิตไฮโดรเจนเพื่อมาเป็นเชื้อเพลิง เช่นสำหรับรถยนต์ ก็คงจะเริ่มเป็นไปได้ในทางเศรษฐกิจ