Thursday, December 17, 2009

หนังสือ อัพยากตปัญหา

สัปดาห์ที่แล้ว มีเหตุให้ต้องไปวัดมหาธาตุ เลยไปแวะร้านนายอินทร์ท่าพระจันทร์ซื้อหนังสือได้มาหลายเล่ม เล่มหนึ่งที่ผมเพิ่งอ่านไปเมื่อเร็วๆนี้คือ หนังสือเรื่อง อัพยากตปัญหา ปัญหาที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงพยากรณ์ พิมพ์ต้นปี ๕๒ นี่เอง หนังสือเล่มนี้เป็นการเอาวิทยานิพนธ์ปริญญาโทที่ธรรมศาสตร์ ของผู้เขียนท่านนั้น มาเขียนใหม่ในรูปแบบที่คนทั่วไปอ่านง่ายขึ้น แรกทีเดียวเมื่ออ่านคร่าวๆ รู้สึกพอใจที่มีหนังสือเล่มนี้ออกมา คนทั่วไปคงไม่อ่านหรอก ก็รู้สึกขอบคุณผู้เขียนและสำนักพิมพ์เป็นอย่างมาก

พอเริ่มอ่านอีกรอบไปสักพักก็รู้สึกว่า การตีความของผู้เขียนไม่ค่อยตรงกับที่ผมเข้าใจ คือผู้เขียนมุ่งแต่จับประเด็นว่า อัพยากตปัญหา คือ ปัญหาที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงพยากรณ์ แต่ผมอ่านดูๆก็เห็นว่า ในพระไตรปิฎกนั้น พระพุทธองค์ก็ทรงอธิบายหลายๆเรื่องที่ยกมาแจ่มแจ้งดี เพียงแต่ว่าไม่ทรงตอบคำถามผู้ถามตามมุมมองที่ตั้งคำถามมาเท่านั้น แต่ทรงแสดงไว้ในมุมมองที่ทรงเห็นว่าถูกต้อง ดังนั้นเราไม่น่าจะจำกัดความหมายของอัพยากตไว้แค่ว่าไม่ยอมทรงอธิบายเท่านั้น เพราะจริงๆแล้วทรงอธิบายไว้แจ่มแจ้งทีเดียว ความหมายที่ควร ของคำว่า อัพยากตปัญหา น่าจะเป็นว่า คือปัญหาที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงตอบไว้เป็นอย่างอื่น มากกว่า
การแปลว่า อัพยากตปัญหา คือ ปัญหาที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงพยากรณ์ ในความหมายเดียว เป็นการเอาความหมายของคำที่คนยุคปัจจุบันเข้าใจไปตีความหมายของคำเมื่อสองพันหกร้อยปีก่อน ซึ่งอาจจะไม่ตรง หรือมีบริบทที่ใช้่แตกต่างกันได้ (เรื่องนี้มีให้เห็นมาแยะ ธัมมะมีหลายบริบท ศัพท์เดียวกัน ความหมายลึกซึ่งไม่เท่ากัน)

ผมนึกถึง ติกมาติกาบทแรก ใน คัมภีร์ธัมมสังคณีย์ ที่ว่า กุสลาธัมมา อกุสลาธัมมา อัพยากตาธัมมา
(คนไทยที่เป็นชาวพุทธทั่วไปน่าจะคุ้นบทนี้ดี เวลาไปฟังสวดพระอภิธรรมในงานศพต้องเคยได้ยิน)
จะเห็นว่า ในติกนี้ พูดถึงธรรมสามอย่าง คือ กุสลธรรม อกุสลธรรม อัพยากตธรรม คำว่า อัพยากตธรรมก็คือ ธรรมที่ไม่ใช่ทั้งกุสล ไม่ใช่ทั้งอกุสล อัพยากตธรรมไม่ใช่ธรรมที่อธิบายไม่ได้หรือไม่ได้ทรงแสดง เพราะในอภิธรรมจะสอนแจกองค์ธรรมครบทั้ง สามตัวเลย และ ติกนี้เป็น นิปปเทสติก คือ ปรมัตถธรรมครบ ไม่มีขาด

พอนึกถึงประเด็นนี้ก็เลยรู้สึกว่า ผมไม่เห็นด้วยกับชื่อหนังสือเสียแล้ว เลยอ่านแล้วรู้สึกจืดไปหน่อย ยิ่งตอนกลางของหนังสือไปพูดพื้นฐานเรื่องภพภูมิปูพื้นให้คนอ่านทั่วไป ก็เลยจืดไปอีก แต่พูดก็พูดเถอะ หากไปตั้งชื่อหนังสือเป็นอย่างอื่นมันก็ไม่ดึงดูดให้คนหยิบมาดู หรือซื้อมาอ่าน

สรุปว่า อย่างไรก็ตาม ก็คิดว่าเป็นหนังสือที่ดี คอธรรมะก็น่าจะไปซื้อหาอ่านดู จะได้ความรู้อะไรพอสมควร

No comments: