จนมาปีที่แล้ว ๒๕๕๓ ก็เริ่มเข้าฌาน ๔ ได้ จิตก็เริ่มพัฒนามากขึ้น วิปัสสนาคล่องขึ้น สมถะก็ดีขึ้น
จนจิตใจเป็นพระเข้าไปทุกทีๆ
ความรู้สึกก่อนบวช เมื่อปีที่แล้ว คิดว่า บวชก็ได้ ไม่บวชก็ได้ เพราะว่าก้าวหน้ามาถึงขั้นที่ปลอดภัยแล้ว เคยเห็นนิพพานมาแล้ว ประจักษ์แล้วว่ามรรคผลนิพพานมีจริง ต่อมาอีกหลายเดือนก็คิดว่า
อยู่เป็นฆราวาสกระทบอารมณ์กับคนอื่นมากเกินไป และเบื่อกิเลสตัวเอง
ที่เห็นๆ ก็อยากจะหักดิบมัน เราจะไปขั้นก้าวหน้ากว่านั้น จะตัดกามราคะและปฏิฆะ ตัดการปรุงแต่งของวิถีจิตจากปัญจทวาร หรือทวาร ๕ ก็ต้องเข้าป่า ไม่มีทางอื่น
แต่ก็ยังลังเล สุดท้าย ต่อมาผมได้ขึ้นเขาไปยังที่แห่งหนึ่ง ไปกราบนมัสการพระอาจารย์รูปหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ทรงฌาน ผมหารือท่านว่า อยากจะบวช กราบเรียนท่านว่า ผมถึงขนาดไปสอบถามหลวงพ่อองค์หนึ่งจะขอให้ท่านเป็นอุปัชฌาย์แล้ว แต่ตอนนั้นยังไม่ได้กำหนดวัน แต่ในใจบางครั้งก็ยังคิดว่าไม่สมควรทิ้งครอบครัวไป
ท่านอาจารย์ก็บอกว่า ถ้าเราคิดอย่างนั้น
ก็เท่ากับตำหนิพระพุทธเจ้าที่ทรงทิ้งครอบครัวไปบวชด้วยละสิ
และ ก็ต้องตำหนิองค์ท่านด้วย เพราะว่า ก่อนหน้าท่านจะบวชนั้น
ท่านเคยเป็นนักธุรกิจในกรุงเทพ เคยแต่งงานมาแล้ว ท่านยังตัดสินใจ สละทรัพย์สมบัติออกบวช
หลังจากคุยกับท่าน ผมก็เลยตัดสินใจว่าผมจะบวชแน่นอน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ไม่ถอยหลังอีก
ผมคิดว่า ผมออกบวช ผมน่าจะสงเคราะห์ทางธรรมให้กับสมาชิกในครอบครัวได้มากกว่า
การจะช่วยคนอื่น เสมือนหนึ่งก่อนจะไปช่วยคนอื่นที่ตกน้ำ
เราต้องฝึกว่ายน้ำให้เป็น ฝึกว่ายให้แข็ง เสียก่อน การออกบวชก็เป็นแบบนั้น
ในขณะเดียวกัน ครอบครัวก็น่าจะอยู่ได้ในเมือง โดยที่ไม่มีผม ทั้งทางการเงิน
และเรื่องอื่นๆ
เมื่อตัดสินใจแล้ว บางวันผมก็เริ่งร่า รู้สึกฮึกเหิม เสมือนหนึ่งทหารที่กำลังจะออกสู่สมรภูมิ ดีใจที่จะไปเป็นนักรบของพระพุทธเจ้า ออกรบกันกิเลสของตัวเอง จะถือเอาผ้ากาสาวะเพื่อมุ่งสู่พระนิพพาน จะปฏิบัติธรรมด้วยการอุทิศชีวิตเต็มที่ต่อไป แต่ก็มีบางวันอยู่บ้างที่ใจกังวลเล็กน้อย เป็นห่วงครอบครัว แต่ตัดสินใจแล้วก็ต้องลองดู ยังไงก็ต้องออกศึกษาธรรมในป่าสักพักหนึ่ง จะอยู่บ้านอีกไม่ได้ มีสถานการณ์รัดตัวหลายอย่าง รู้ตัวว่า ชีวิตเป็นของน้อย เวลาเหลือน้อย ต้องรีบดำเนินการ
อีกไม่กี่วัน เมื่อผมแปลงเพศเป็นนักบวชแล้ว ต่อไปก็คงไม่ได้มาเขียนบล๊อกนี้อีก และอีกไม่นานนัก สังคมโลก ชีวิตของคนและสัตว์ และพืช ก็คงเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ทุกอย่างมีเกิดมีดับ เป็นธรรมดา ทุกคนในโลกนี้ เกิดมามีชีวิตอยู่ไม่นานก็ต้องสุดสิ้นไป เป็นธรรมดา ผมจะไม่อาวรณ์เรื่องในอดีตอีก การงานอะไรที่คาราคาซังไว้ก็จะตัดไปหมด ตั้งเป้าว่า เมื่อชีวิตนี้ของตนสิ้นสุดลง ก็คงจบชีวิตในมิตินี้เพียงเท่านี้
วันนี้ วันอาทิตย์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ ตรงกับ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
เอวัง ฯ
No comments:
Post a Comment