Friday, April 20, 2012

สิกขา

การได้มีโอกาสไปสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ ไปอยู่ในป่า ชนบท ห่างจากความเจริญของเมืองใหญ่ ไม่มีไฟฟ้า ต้องใช้แสงเทียนและไฟฉายเป็นหลักในยามค่ำคืน อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ ปฏิบัติธรรมเป็นส่วนมาก สวดมนต์ สลับกับการอ่านหนังสือธรรมะ และ ปรัชญา ต่างๆ เสมือนหนึ่งได้ไปบ่มเพาะความรู้ความเข้าใจสิ่งที่ยังขาดในชีวิตของคนที่เคยอยู่แต่ในเมือง เป็นการชาร์จแบ็ตสมองอย่างดีเยี่ยม เป็นเวลา ๗ เดือน รู้สึกว่าตนโชคดี เพราะคนส่วนมากไม่มีโอกาสทำเช่นนี้ได้

ตอนนี้เข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่า ทำไมจึงเรียกการบวชว่า สิกขา เพราะเป็นการศึกษาอบรม ทั้ง กาย วาจา และ ใจ

ได้มีโอกาสเข้าใจความละเอียดอ่อนของวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยมากขึ้น เข้าใจความละเอียดอ่อนของจิตใจคนระดับชาวบ้าน และของตนเอง

ได้มีโอกาสสร้างกุศล ได้ร่วมทำบุญกับชาวบ้าน ออกทั้งแรงกาย แรงใจ แรงทรัพย์ที่มีเล็กน้อย ในการร่วมสร้างถนนให้วัด และ อะไรๆต่างๆ อีกมาก

ได้มีโอกาสศึกษากัมมัฎฐานแบบที่ไม่เคยเรียนมาก่อน ก้าวหน้าไปอีก
ได้ประสบพบเห็นกับตัวเองในสิ่งที่ชาววิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นสิ่งไม่มีจริง เป็นเรื่องหลอกเด็ก หรือ เป็นความเชื่อโบราณคร่ำครึ

ได้มีโอกาสเป็นพยานกับตัวเองในธรรมอันลึกซึ้งของพระบรมศาสดา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ได้เข้าใจแล้วว่า เกิดมาทำไม และรู้ตัวแน่แล้วว่า ภาระหน้าที่ของตน ที่จะต้องสงเคราะห์ต่อเพื่อนร่วมโลกนี้คืออะไร

เพื่อนชวนให้เขียนหนังสือประสบการณ์ระหว่างบวชออกมาสักเล่มหนึ่ง

ก็อยากเขียนอยู่ ตอนนี้ก็เริ่มแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะมีเวลาเขียนจนจบ ให้คนอื่นได้อ่านหรือไม่



No comments: