ในยุคนี้ มีการออกข่าวลวงกันมากกัน ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า disinformation คนเสพย์ข่าวต้องระวัง เรื่องโกหกมันแยะมาก พบว่าใช้กันมากทั้งในวงการโฆษณา และ วงการเมือง นักการเมืองบางคน ศีลข้อ ๔ ไม่รักษาเลย จิตมีโลภะเป็นตัวนำ เพราะโกหกแล้วได้เงิน แล้วนักข่าวก็ชอบกันจัง ไปสัมภาษณ์ ไม่รู้ว่าโง่หรือว่าโลภอยากได้ข่าวไปลง เขียนเอาไปลงข่าวทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องโกหก สงสัยจะโลภอยากได้ข่าวมากกว่า ไม่มีคนนึกถึงคำที่ท่านสอนว่า คนที่โกหกได้นั้น ความชั่วอย่างอื่นๆอีกที่จะทำไม่ได้ เป็นไม่มี นักข่าวไม่สำเหนียกว่า การลงบทสัมภาษณ์ที่เป็นเรื่องโกหก ทั้งๆที่รู้ นั้นตัวเองก็ผิดศีลไปด้วย
และในช่วงปีสองปีหนึ่งมานี่ก็มีอีกวงการหนึ่งเพิ่มขึ้น กล่าวจาบจ้วงผู้บริสุทธิ์ เพราะโลภะและโทสะเป็นตัวนำอีกเช่นกัน ไม่มีความละอายใจ ไม่มีความเกรงกลังต่อบาปกรรม คนอ่านที่มีใจเป็นธรรมก็ต้องปลงสังขารไป และวางอุเบกขา ใครทำกรรม ชั่วหรือดี เขาก็ต้องรับผลไปเอง ส่วนคนอื่นๆในสังคมที่โดนโกหกจนพลอยหลงเชื่อ หากมีจิตเป็นโทสะ และ กิเลสล้นจนแสดงออกมาทาง วาจา และ กาย ก็เป็นการกระทำกรรมหนักเช่นกัน คนผู้ศึกษาธรรมถือว่า กรรมหนักย่อมส่งผลเร็วอย่างแน่นอน
ในสังคมประชาธิปไตย ภายใต้รัฐธรรมนูญ คนไม่ได้มีเสรีภาพที่จะโกหกกับสังคม คนไม่ได้มีเสรีภาพที่จะจงใจละเมิดคนอื่นได้ คนไม่มีเสรีภาพที่จะลุกขึ้นมาทำลายบ้านเมือง แต่ตอนนี้บ้านเมืองไทยหลายปีมานี้ มันมีการปล่อยให้คนบางส่วนทำอย่างนั้น
No comments:
Post a Comment