Thursday, October 15, 2009

สภาวะธรรมที่เจอ

ต้องการบันทึกเหตุการณ์ที่เกิิดขึ้นกับตนเองเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๔ ตุลาคมเอาไว้ จะได้ค้นหาง่ายๆในอนาคต

ก่อนอื่นต้องท้าวความว่า ประมาณหนึ่งปีที่ผ่านมา มีสติ เดินจงกรม และนั่งสมาธิ วันละสองรอบ เป็นส่วนมาก อารมณ์ดี ใจเย็นในรอบสองปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยเครียด และ ศีลห้าค่อนข้างบริบูรณ์เป็นส่วนมาก และก่อนหน้านี้เป็นหลายเดือนก็ไม่ขาดเลย

บ่ายวันนั้น รู้สึกเหนื่อยๆ เลยไม่ได้ไปธุระนอกบ้านกับครอบครัว อยู่บ้านคนเดียว ก็เลยนั่งสมาธิบนโซฟา ตั้งใจแต่แรกว่าจะพักผ่อน ทำสมถะ ไม่ได้เป่าพัดลม อากาศร้อน เหงื่อออกเป็นเม็ดๆที่หน้าก็รู้สึก เลยกลายเป็นนั่งวิปัสสนาไป แต่ก็ตามรู้กาย รู้ใจไปแบบเห็นเป็นคนอื่น มีผู้รู้ เห็นความเกิดดับไปเรื่อยๆ ดูแบบใจเป็นกลาง ประมาณ ๑ ชม. ก็เกิดแสงสว่างเกิดขึ้นสองครั้ง (ไม่รุนแรงเหมือนคราวก่อน) รู้สึกเฉยๆ ตอนนั้นมีสติสัมปชัญญะอยู่ตลอด มองดูไป รู้สึกความมีตัวตนมันหายไปแบบชัดเจนกว่าเดิม รู้สึกมีความสุขดี
สองสามวันต่อมา สติกล้าแข็ง มองดูอากาศเห็นเป็นคล้ายละอองน้ำฝน แต่ไม่มีเม็ดฝนตกลงมาบนพื้น สติตั้งมั่นอยู่หลายวัน แต่ตามที่ครูบาอาจารย์สอนมา ท่านให้สังเกตไปอีกสามเดือน ก่อนสรุป
หลายวันต่อมาเกิดสงสัยขึ้นมา รู้สึกว่าจะต้องหาเวลาไปกราบครูบาอาจารย์ต่อไป เพื่อให้ท่านเมตตาเช็คให้ จะอย่างไรก็ตาม เราก็ต้องมีสติตามรู้กายรู้ใจต่อไปอยู่ดี

ย้อนกลับไปเมื่อเกือบสามปีก่อน มีสภาวะธรรมอย่างหนี่งเกิดขึ้นคล้ายกันนี้ บันทึกไว้คราวก่อน

update -----

ไปกราบหลวงพ่อปราโมทย์ที่เมืองชลฯ มาแล้ว ท่านชมว่าทำได้ดี ท่านบอกว่า ตอนนี้เราเห็นว่ากายไม่ใช่ตัวเราแล้ว แต่ว่าสักกายทิฏฐิยังไม่ได้โดนตัดไป
และท่านเสริมท้ายว่า อย่าไปอยากได้นะ

กลับมาบ้านแล้ว มาวิเคราะห์ดู โอภาสที่เห็นคงเป็นอาการของสมถะนั่นเอง
โดนวิปัสสนูปกิเลสหลอกไปหลายวัน ได้เห็นอะไรๆโผล่มาอีกแยะ
เริ่มไปเห็นสักกายทิฎฐิที่ซ่อนอยู่
ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเห็น เพราะเวลามีสัมมาสมาธิ จะไม่มีสักกายทิฏฐิปรากฎ

No comments: