คนแต่ละคนคงมีเพลงที่ตนเองชอบ ที่มักจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และบางส่วนก็อาจจะแปรไปตามกระแสความนิยม แต่คงมีไม่กี่คนที่มีเพลงที่ตนเองประทับใจ และยิ่งน้อยคนที่รู้สึกตัวว่ามีเพลงประทับใจอยู่
ผมเพิ่งรู้มาไม่นานว่า ผมมีเพลงที่ประทับอยู่ในใจผม แต่ลืมไปนานแล้วสี่สิบกว่าปีเห็นจะได้ เพราะไปฟังเพลงจากไอพ๊อด ที่โหลดไว้จากซีดีที่ซื้อมา เพลงนี้เป็นเพลงคลาสสิค ชื่อ Traumeria (Dreaming) ของ Schumann เป็นเพลงที่ฟังง่ายๆ เพราะดี ฟังแล้วก็คิดถึงแม่ เพราะตอนเด็กๆ ที่หััวเตียงของแม่จะมีนาฬิกาปลุกตัวหนึ่ง ที่แม่ซื้อมาจากญี่ปุ่น ปลุกด้วยเพลงนี้ และผมชอบไปบิดลานเล่นเพื่อฟังเพลงนี้บ่อยๆ เมื่อไปนอนเล่นที่เตียงแม่ หรือเมื่อเป็นไข้ไม่สบาย แม่ก็จะพาไปนอนด้วย คอยเช็ดตัวให้เพื่อลดอาการตัวร้อน ตอนนี้ไม่รู้ว่านาฬิกาตัวนี้หายไปไหนแล้ว เพราะพ่อแม่ก็ไม่อยู่ให้ถามเสียแล้ว ก็สันนิษฐานว่าคงเสียหายพังไปตามกาลเวลา เป็นเรื่องปรกติวิสัย
เคยอ่านเจอมาว่า คนเรานั้น เมื่อพ่อแม่ยังอยู่ก็ไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่รักแค่ไหน ต้องไม่อยู่แล้วนั่นแหละ จะเสียดายโอกาสที่จะได้ตอบแทนพระคุณ ผมเห็นด้วยว่าจริง และจากประสบการณ์ตนเอง เมื่อมามีลูกแล้วนั่นละ จะซึ้งและเข้าใจ จำได้ว่าตอนผมนั่งซักผ้าให้ลูกด้วยมือ ได้รู้สึกสะกิดใจว่า ตอนเป็นเด็ก แม่ก็ทำอย่างนี้มาให้ลูกเป็นประจำทุกวันๆ ด้วยความรักลูก แต่ตอนนั้นเราไม่ได้นึกถึง พอนึกแล้วก็เสียดายว่า แต่ก่อนท่านยังอยู่เราก็ไม่ตระหนักในเรื่องนี้
เมื่อเช้าวันนี้ ผมตื่นไปใส่บาตรให้แม่และพ่อ เนื่องในโอกาสคล้ายวันเกิดของแม่ ซึ่งเป็นการกระทำอย่างหนี่งที่คนไทยเชื่อกันและปฏิบัติมาด้วยดี แล้วก็มาโพสต์บล๊อกนี้ จากนั้นก็จะไปกรวดน้ำและนั่งสมาธิต่อ ก่อนไปทำหน้าที่ของพ่อ รับส่งลูกไปเรียนพิเศษในวันเสาร์อาทิตย์ต่อไป
No comments:
Post a Comment