ปกิณกะ ไทย I posted about interesting items information I found, write my views on books I read, education, science and technology, Buddhism and meditation, economic and business, music, and movies, country and rural development. Articles are in English or Thai.
Saturday, May 29, 2010
วันวิสาขบูชา ปีนี้ ศุกร์ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓
เมื่อวานเป็นวันวิสาขบูชา วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ เป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โพสต์ช้าไป ๑ วัน
คนไทยในเมืองส่วนมากคงไม่ค่อยได้ทำอะไร บางคนอาจจะไปช้อปปิ้ง บางคนที่งานยุ่งๆก็ไปเคลียร์งานที่ทำงานแม้จะเป็นวันหยุด บางคนก็ถือโอกาสใช้ลองวีคเอ็นไปเที่ยวต่างจังหวัด
คงมีคนไทยพุทธส่วนน้อยที่ไม่ได้แค่ถือพุทธตามทะเบียนบ้าน จะใช้โอกาสที่เป็นมงคลนี้ในการฝึกกายและใจ เพื่อเรียนรู้ความจริงของชีวิต โดยการปฏิบัติธรรม สมถภาวนา และ วิปัสสนาภาวนา ฟังธรรมเทศนาของพระสุปฏิปันโน
เรื่องศีล ๕ ไม่ต้องพูด เพราะเป็นพื้นฐานของมนุษย์อยู่แล้ว มนุษย์แปลว่าผู้มีจิตใจสูง ถ้าขณะใดคนใดไม่มีศีลช่วงน้ันจิตใจของคนนั้นก็ไม่ดีพอ โอกาสพิเศษแบบนี้จึงสมควรถือศีล ๘ หากทำได้
Friday, May 28, 2010
วีดิโอน่าสนใจ
จากรายการตีสิบ สัมภาษณ์ช่างทำสีรถยนต์ฝีมีือดี ทำสีรถพระที่นั่ง ถวายงาน
จะได้เห็นรับทราบว่าพระองค์ท่านทรงงานหนัก และทำให้อธิบายได้ว่า ทำไมคนไทยส่วนมากถึงรักพ่อหลวงของเรา
จะได้เห็นรับทราบว่าพระองค์ท่านทรงงานหนัก และทำให้อธิบายได้ว่า ทำไมคนไทยส่วนมากถึงรักพ่อหลวงของเรา
Want to sell your manuscript as an e-book ?
For Apple 's iTune Connect or iBookstore, one needs to have
- A Mac and a broadband connection to upload the content
- ISBN for all the titles
- the format must be in ePub and must pass validation by Epubcheck software version 1.0.5
and
- US Tax ID ( I see that, at this time, people in other countries can not apply yet)
- valid iTune account, with credit card info on file
Apple also say that they don't pay to partners (authors) until an earning threshold is reached in each territory. (Wow. This means that if a manuscript can not sell well you won't get pay.) So I expect that individual lesser known author should not sell there, unless you have a large number of titles in the collection to get substantial sale.
- A Mac and a broadband connection to upload the content
- ISBN for all the titles
- the format must be in ePub and must pass validation by Epubcheck software version 1.0.5
and
- US Tax ID ( I see that, at this time, people in other countries can not apply yet)
- valid iTune account, with credit card info on file
Apple also say that they don't pay to partners (authors) until an earning threshold is reached in each territory. (Wow. This means that if a manuscript can not sell well you won't get pay.) So I expect that individual lesser known author should not sell there, unless you have a large number of titles in the collection to get substantial sale.
Which web browsers should one use in a Mac ?
This is for a Mac platform, mind you.
Naturally, Safari comes bundled with OS-X. So it is not surprising that most people use it. But are there other reasons ?
There are a number of other browsers, notably Firefox, Chrome, Opera, Flock, for examples, to choose.
I noticed that many alternative browsers have strong points in some areas and I 'd love to use others for a number of reasons. Safari is very good, but other browsers have some better points in some areas. Firefox has some neat functional plugins I like. Chrome is very elegant and fast. Alas, they still have shortcomings, not due to their fault, but do to the Mac's operating system's. I think most Mac users use a lot of Spotlight search function. I do anyway. Spotlight would index all the content in the Mac. Right ? However, in case of non-Safari browsers, as far as I can see, Spotlight does not index the webpages loaded into those alternative browsers, nor does it recognize bookmarks kept in those browsers. Spotlight only indexes the history of loaded webpages and bookmarks kept in Safari. So, I can see that anyone who choose to use other browsers rather than Safari would be crippled of the index service by Spotlight. So, that is the reason why I still use Safari in the Mac as the main browser.
Naturally, Safari comes bundled with OS-X. So it is not surprising that most people use it. But are there other reasons ?
There are a number of other browsers, notably Firefox, Chrome, Opera, Flock, for examples, to choose.
I noticed that many alternative browsers have strong points in some areas and I 'd love to use others for a number of reasons. Safari is very good, but other browsers have some better points in some areas. Firefox has some neat functional plugins I like. Chrome is very elegant and fast. Alas, they still have shortcomings, not due to their fault, but do to the Mac's operating system's. I think most Mac users use a lot of Spotlight search function. I do anyway. Spotlight would index all the content in the Mac. Right ? However, in case of non-Safari browsers, as far as I can see, Spotlight does not index the webpages loaded into those alternative browsers, nor does it recognize bookmarks kept in those browsers. Spotlight only indexes the history of loaded webpages and bookmarks kept in Safari. So, I can see that anyone who choose to use other browsers rather than Safari would be crippled of the index service by Spotlight. So, that is the reason why I still use Safari in the Mac as the main browser.
Wednesday, May 26, 2010
ต้องระวังแฟ้ม PDF อาจจะมีปัญหา
เขาเรียกว่า poisoned pdf file ถ้าไปโหลดแฟ้มที่มี malware มาจะมีปัญหา ติดไวรัสได้
ภาพการกู้เรือรบเกาหลีใต้ที่โดนเกาหลีเหนือจม
ตามไปดูรูปเอาเองที่ลิงก์ไว้ใหข้างบน
ถ้าใครเคยดูทีวีช่องดิสคอฟเวอรี่ ดูเรื่องเกี่ยวกับการต่อเรือของเกาหลีก็จะเคยเห็นเครนแบบนี้มาแล้ว ดูเหมือนจะยกน้ำหนักได้ถึง ๓๐๐๐ ตันทีเดียว
สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีตอนนี้เปราะบาง จริงๆแล้วเหตุการณ์แบบนี้นำไปสู่สงครามได้ทันทีเลย แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เกาหลีใต้จะยอมเสี่ยงตายตอนนี้ หรือจะรอไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งอาจจะเป็นสงครามนิวเคลียร์โดยให้เกาหลีเหนือเปิดเกมส์ก่อน
การเจรจากับระบอบปกครองเผด็จการที่ตัดสินใจโดยไม่มีเหตุผลดูไม่น่าเป็นทางเลือกที่ดีนัก แต่สำหรับประเทศที่เกี่ยวข้อง ก็คงผลัดไปก่อนดีกว่า ยังไม่อยากเสี่ยงตายวันนี้ อะไรแบบนั้น
เศรษฐกิจโลกผูกกันหมดตอนนี้ เกิดสงครามเมื่อไรก็กระเทือนทุกประเทศ รวมถึงไทยด้วย
สำหรับหลักฐานการจมเรือดูได้จากข่าวข้างล่าง
BBC news
ถ้าใครเคยดูทีวีช่องดิสคอฟเวอรี่ ดูเรื่องเกี่ยวกับการต่อเรือของเกาหลีก็จะเคยเห็นเครนแบบนี้มาแล้ว ดูเหมือนจะยกน้ำหนักได้ถึง ๓๐๐๐ ตันทีเดียว
สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีตอนนี้เปราะบาง จริงๆแล้วเหตุการณ์แบบนี้นำไปสู่สงครามได้ทันทีเลย แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เกาหลีใต้จะยอมเสี่ยงตายตอนนี้ หรือจะรอไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งอาจจะเป็นสงครามนิวเคลียร์โดยให้เกาหลีเหนือเปิดเกมส์ก่อน
การเจรจากับระบอบปกครองเผด็จการที่ตัดสินใจโดยไม่มีเหตุผลดูไม่น่าเป็นทางเลือกที่ดีนัก แต่สำหรับประเทศที่เกี่ยวข้อง ก็คงผลัดไปก่อนดีกว่า ยังไม่อยากเสี่ยงตายวันนี้ อะไรแบบนั้น
เศรษฐกิจโลกผูกกันหมดตอนนี้ เกิดสงครามเมื่อไรก็กระเทือนทุกประเทศ รวมถึงไทยด้วย
สำหรับหลักฐานการจมเรือดูได้จากข่าวข้างล่าง
BBC news
Feel good to see Thais having good hearts for guarding soldiers during the unrest
I got a link from a friend. The current main article there, in Thai, tells a small nice story of a Thai with a good heart who bought snacks to distribute to soldiers guarding a location during the time of unrest in Bangkok. An overheard coffee vendor near the snack stall also joined the goodwill by preparing free coffee for them in plastic bags.
Tuesday, May 25, 2010
โพชฌงค์ และ โพธิปกฺขิยธรรม
โพชฌงค์ ๗ แปลว่า องค์ธรรมแห่งการตรัสรู้ ๗ ประการ ได้แก่
สติ ความระลึกได้ (รู้สึกตัวทั่วพร้อม)
ธรรมวิจัย ความใคร่ครวญพิจารณาธรรม (เห็นเป็น ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา)
วีริยะ การทำจิตอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าความเพียร หรือ วิริยะ
ปีติ ความอิ่มเอมใจ ความสุขใจ
ปัสสัทธิ ความสงบใจ
สมาธิ ความตั้งมั่นแห่งจิต แยกเป็นจิตผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้ออกจากกัน
อุเบกขา การวางจิตเป็นกลาง ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย
ใครใช้องค์ธรรมทั้ง ๗ นี้ สามารถบรรลุธรรมทางพุทธศาสนาได้
และไม่เพียงแค่นี้ ธรรมทั้ง ๗ ข้อนี้ หากมาใช้กับชีวิตการงานในโลก ก็สามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
โปรดสังเกตุว่า เป็นเรื่องของคุณสมบัติของจิตล้วนๆเลย เพราะความสำเร็จจะเกิดได้ อยู่ที่ใจเป็นหลัก
บทสวดอยู่ในโพสต์ที่แล้ว
อนึ่ง โพชฌงค์ เป็นธรรมอยู่ในหมวด โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ คือ ธรรมที่เป็นฝ่ายมรรคญาณ ประกอบด้วย
สติปัฏฐาน ๔
สัมมัปปทาน ๔
อิทธิบาท ๔
อินทรีย์ ๕
พละ ๕
โพชฌงค์ ๗
มัคคังคะ ๘
รวมเป็น ๓๗ ประการ
สติ ความระลึกได้ (รู้สึกตัวทั่วพร้อม)
ธรรมวิจัย ความใคร่ครวญพิจารณาธรรม (เห็นเป็น ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา)
วีริยะ การทำจิตอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าความเพียร หรือ วิริยะ
ปีติ ความอิ่มเอมใจ ความสุขใจ
ปัสสัทธิ ความสงบใจ
สมาธิ ความตั้งมั่นแห่งจิต แยกเป็นจิตผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้ออกจากกัน
อุเบกขา การวางจิตเป็นกลาง ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย
ใครใช้องค์ธรรมทั้ง ๗ นี้ สามารถบรรลุธรรมทางพุทธศาสนาได้
และไม่เพียงแค่นี้ ธรรมทั้ง ๗ ข้อนี้ หากมาใช้กับชีวิตการงานในโลก ก็สามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
โปรดสังเกตุว่า เป็นเรื่องของคุณสมบัติของจิตล้วนๆเลย เพราะความสำเร็จจะเกิดได้ อยู่ที่ใจเป็นหลัก
บทสวดอยู่ในโพสต์ที่แล้ว
อนึ่ง โพชฌงค์ เป็นธรรมอยู่ในหมวด โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ คือ ธรรมที่เป็นฝ่ายมรรคญาณ ประกอบด้วย
สติปัฏฐาน ๔
สัมมัปปทาน ๔
อิทธิบาท ๔
อินทรีย์ ๕
พละ ๕
โพชฌงค์ ๗
มัคคังคะ ๘
รวมเป็น ๓๗ ประการ
โพชฌงค์ปริตต์
โพชฺฌงคปริตฺตํ
สวดโพชฌงค์ปริตต์
โพชฌํโค สติสงฺขาโต ธมฺมานํ วิจโย ตถา
วีริยมฺปีติปสฺสทฺธิ โพชฺฌงฺคา จ ตถาปเร
สมาธุเปกฺขโพชฌงฺคา สตฺเตเต สพฺพทสฺสินา
มุนินา สมฺมทกฺขาตา ภาวิตา พหุลีกตา
สงฺวตฺตนฺติ อภิญฺญาย นิพฺพานาย จ โพธิยา
เอเตน สจฺจวชฺเชน โสตถิ เต โหตุ สพฺพทา ฯ
เอกสฺมิํ สมเย นาโถ โมคฺคลฺลานญฺจ กสฺสปํ
คิลาเน ทุกขิเต ทิสวา โพชฌงฺเค สตฺต เทสยิ
เต จ ตํ อภินันทิตวา โรคา มุจฺจิํสุ ตงฺขเณ
เอเตน สจฺจวชฺเชน โสตถิ เต โหตุ สพฺพทา ฯ
เอกตา ธมฺมราชาปิ เคลญฺเญนาภิปีฬิโต
จุนทตฺเถเรน ตญฺเญว ภณาเปตวาน สาทรํ
สมฺโมทิตวา จ อาพาธา ตมฺหา วุฏฺฐาสิ ฐานโส
เอเตน สจฺจวชฺเชน โสตถิ เต โหตุ สพฺพทา ฯ
ปหีนา เต จ อาพาธา ติณฺณนฺนมฺปิ มเหสินํ
มคฺคาหตกิเลสาว ปตฺตานุปฺปตฺติ ธมฺมตํ
เอเตน สจฺจวชฺเชน โสตถิ เต โหตุ สพฺพทา ฯ
สวดโพชฌงค์ปริตต์
โพชฌํโค สติสงฺขาโต ธมฺมานํ วิจโย ตถา
วีริยมฺปีติปสฺสทฺธิ โพชฺฌงฺคา จ ตถาปเร
สมาธุเปกฺขโพชฌงฺคา สตฺเตเต สพฺพทสฺสินา
มุนินา สมฺมทกฺขาตา ภาวิตา พหุลีกตา
สงฺวตฺตนฺติ อภิญฺญาย นิพฺพานาย จ โพธิยา
เอเตน สจฺจวชฺเชน โสตถิ เต โหตุ สพฺพทา ฯ
เอกสฺมิํ สมเย นาโถ โมคฺคลฺลานญฺจ กสฺสปํ
คิลาเน ทุกขิเต ทิสวา โพชฌงฺเค สตฺต เทสยิ
เต จ ตํ อภินันทิตวา โรคา มุจฺจิํสุ ตงฺขเณ
เอเตน สจฺจวชฺเชน โสตถิ เต โหตุ สพฺพทา ฯ
เอกตา ธมฺมราชาปิ เคลญฺเญนาภิปีฬิโต
จุนทตฺเถเรน ตญฺเญว ภณาเปตวาน สาทรํ
สมฺโมทิตวา จ อาพาธา ตมฺหา วุฏฺฐาสิ ฐานโส
เอเตน สจฺจวชฺเชน โสตถิ เต โหตุ สพฺพทา ฯ
ปหีนา เต จ อาพาธา ติณฺณนฺนมฺปิ มเหสินํ
มคฺคาหตกิเลสาว ปตฺตานุปฺปตฺติ ธมฺมตํ
เอเตน สจฺจวชฺเชน โสตถิ เต โหตุ สพฺพทา ฯ
Saturday, May 22, 2010
แก้ง่วง ต้องฟังเพลงมาร์ชชมพูฟ้า
ผมรู้สึกง่วงๆ ก็รู้สึกว่าต้องการหาเพลงมาร์ชฟัง และเพลงมาร์ชที่ผมฟังแล้วไม่เบื่อ ก็คือ มาร์ช ชมพูฟ้า ของ สวนกุหลาบวิทยาลัย ฟังแล้วกระชุ่มกระชวย แอ็คทีฟ ฟังมา ๓๙ ปีแล้ว ปีหน้าจะครบ ๔๐ปี
ไม่รู้จะไปฟังที่ไหน เสอร์ชกูเกิลก็เลยเห็นว่าที่เว็บของโรงเรียนมีให้ฟัง แต่เอ็มเบ็ดไว้ อยากได้ ก็เลยต้องเปิดดู ซอร์สโค้ดของเว็บเพจอันนั้น และก็มองหาตำแหน่งที่เก็บแฟ้มเพลง ที่เว็บมาสเตอร์พยายามซ่อนไว้ (โทษนะน้อง พี่ขอเหอะนะ) แล้วผมก็เลยดูดเอาเพลงมาจากเว็บของโรงเรียนมาไว้ในไอทูนในเครื่อง MacbookPro i7 ของผม (โดยความขอบคุณ)
(เทคนิคการก๊อปไฟล์แบบนี้ใช้ได้สำหรับก๊อปรูปจากเว็บที่เจ้าของเขาซ่อนไว้ด้วยเหมือนกัน บางทีเขาซ่อนเล่นเอาไว้ใต้อีกรูปหนึ่งที่เป็นภาพโปร่งใส คนก็เลยก๊อปไม่ได้ด้วยวิธีธรรมดา)
จากเว็บของโรงเรียน ผมก็เลยเพิ่งเห็นว่า โรงเรียนอายุครบ ๑๒๘ ปีแล้ว และตึกยาวอายุจะครบ ๙๙ ปี ก็เลย ก๊อบโลโก้มาอีก (เอ จะเข้าข่าย อทินนาทานไหมเนี่ย) มาโพสต์ไว้เนี่ย ฝรั่งเขาเรียกว่า มิเรอร์ คงไม่เป็นไรเนาะ ถือว่าช่วยประชาสัมพันธ์
------
update
ตอนหลังผมไปได้เพลงนี้มาจากเว็บของศิษย์เก่ารุ่นน้อง คุณภาพเสียงดีกว่า แฟ้มใหญ่กว่า ก็เลยชอบรุ่นใหม่มากกว่า
ไม่รู้จะไปฟังที่ไหน เสอร์ชกูเกิลก็เลยเห็นว่าที่เว็บของโรงเรียนมีให้ฟัง แต่เอ็มเบ็ดไว้ อยากได้ ก็เลยต้องเปิดดู ซอร์สโค้ดของเว็บเพจอันนั้น และก็มองหาตำแหน่งที่เก็บแฟ้มเพลง ที่เว็บมาสเตอร์พยายามซ่อนไว้ (โทษนะน้อง พี่ขอเหอะนะ) แล้วผมก็เลยดูดเอาเพลงมาจากเว็บของโรงเรียนมาไว้ในไอทูนในเครื่อง MacbookPro i7 ของผม (โดยความขอบคุณ)
(เทคนิคการก๊อปไฟล์แบบนี้ใช้ได้สำหรับก๊อปรูปจากเว็บที่เจ้าของเขาซ่อนไว้ด้วยเหมือนกัน บางทีเขาซ่อนเล่นเอาไว้ใต้อีกรูปหนึ่งที่เป็นภาพโปร่งใส คนก็เลยก๊อปไม่ได้ด้วยวิธีธรรมดา)
จากเว็บของโรงเรียน ผมก็เลยเพิ่งเห็นว่า โรงเรียนอายุครบ ๑๒๘ ปีแล้ว และตึกยาวอายุจะครบ ๙๙ ปี ก็เลย ก๊อบโลโก้มาอีก (เอ จะเข้าข่าย อทินนาทานไหมเนี่ย) มาโพสต์ไว้เนี่ย ฝรั่งเขาเรียกว่า มิเรอร์ คงไม่เป็นไรเนาะ ถือว่าช่วยประชาสัมพันธ์
------
update
ตอนหลังผมไปได้เพลงนี้มาจากเว็บของศิษย์เก่ารุ่นน้อง คุณภาพเสียงดีกว่า แฟ้มใหญ่กว่า ก็เลยชอบรุ่นใหม่มากกว่า
Labels:
Pink and Blue March,
Suankularb,
สวนกุหลาบ
Thursday, May 20, 2010
Internal peace via Vipassana
Amid external turmoils, internal feeling could be peaceful.
Consciousness meditation, Vipassana, is the Buddhist technique to attain peacefulness inside. Meditator has to disengage the mind from the body. The mind can be further unassembled into Vedhana (the feeling of happiness or unhappiness), Sanya (memory, thinking, comparing), Sangkhara (others). Upon doing so, the selfness disappear, so long as the consciousness remains. It will be clearly seen that selfness or ego is an illusion, not real. "You" don't really exist in the ultimate sense. So when "You" don't exist, there is nobody to actually suffer. Therefore external turmoils are separate entities that have nothing to do with the neutral observer.
By the way, I just also found recently that there was a recent google talk VDO about using this technique to relieve stresses. I have not watched it though, although I have already downloaded it via Miro. It looks like some westerners started to pick up this Buddhist ultimate gem. However, let me add that this technique is to take "you" to Nirvana, not only to let go the stresses just temporarily.
(Image credit :- ความโกรธไม่ดีเลย http://kulaem.multiply.com/journal/item/35. I thank Kru Laem for the nice picture. :-) )
Consciousness meditation, Vipassana, is the Buddhist technique to attain peacefulness inside. Meditator has to disengage the mind from the body. The mind can be further unassembled into Vedhana (the feeling of happiness or unhappiness), Sanya (memory, thinking, comparing), Sangkhara (others). Upon doing so, the selfness disappear, so long as the consciousness remains. It will be clearly seen that selfness or ego is an illusion, not real. "You" don't really exist in the ultimate sense. So when "You" don't exist, there is nobody to actually suffer. Therefore external turmoils are separate entities that have nothing to do with the neutral observer.
By the way, I just also found recently that there was a recent google talk VDO about using this technique to relieve stresses. I have not watched it though, although I have already downloaded it via Miro. It looks like some westerners started to pick up this Buddhist ultimate gem. However, let me add that this technique is to take "you" to Nirvana, not only to let go the stresses just temporarily.
(Image credit :- ความโกรธไม่ดีเลย http://kulaem.multiply.com/journal/item/35. I thank Kru Laem for the nice picture. :-) )
Wednesday, May 19, 2010
จักรวาลคู่ขนาน และ ทฤษฎีสตริง
เซ็งๆ เรื่องสถานการณ์บ้านเมือง ก็เลยหยิบหนังสือ จักรวาลคู่ขนาน ที่เขียนโดย Michio Kaku แปลเป็นภาษาไทยโดย สว่าง พงศ์ศิริพัฒน์ มาอ่าน
อ่านไปได้ไม่เท่าไร ก็เลยไปตามดู Youtube ที่ คากุ พูด ตามไปที่เว็บของเขา แล้วก็สนใจ ทฤษฎีสตริง ว่ามันอธิบายง่ายๆได้ยังไง ก็ไปเจอวีดีโอที่ TED เกี่ยวกับ ทฤษฎีสตริง Brian Greene พูดดีมากๆเลย
http://www.ted.com/talks/brian_greene_on_string_theory.html
อ่านไปได้ไม่เท่าไร ก็เลยไปตามดู Youtube ที่ คากุ พูด ตามไปที่เว็บของเขา แล้วก็สนใจ ทฤษฎีสตริง ว่ามันอธิบายง่ายๆได้ยังไง ก็ไปเจอวีดีโอที่ TED เกี่ยวกับ ทฤษฎีสตริง Brian Greene พูดดีมากๆเลย
http://www.ted.com/talks/brian_greene_on_string_theory.html
Sunday, May 16, 2010
Recent regional earthquakes
There have been 6 earthquakes (size 5.1 - 7.2 scale) in Indonesia in the past one month. See statistics from the link above. If there is any major one around there in the future, it could affect Thailand as well.
----
update
+ 1 more, as of of May 19 ....
----
update
+ 1 more, as of of May 19 ....
Saturday, May 15, 2010
พระไตรปิฎกออนไลน์ และ ดาวน์โหลด
ผมคิดว่าเมืองไทยโชคดีที่มีคนอุทิศตัว แรงกาย แรงใจ กำลังทรัพย์ เพื่อส่วนรวม
การทำพระไตรปิฎกออนไลน์ เพื่อให้สาธารณชนใช้ฟรี ก็เป็นเรื่องน่าอนุโมทนา เพราะ ธรรมะของพระพุทธเจ้า ท่านเมตตาสอนคนมาเมื่อ ๒๖ ศตวรรษก่อน เป็นเรื่องที่ควรรู้ โดยเฉพาะชาวพุทธ และการให้ความรู้ก็เป็นการทำบุญวิธีหนึ่งใน ๑๐ วิธี
เท่าที่ผมทราบ มีพระไตรปิฎกออนไลน์ที่แปลเป็นภาษาไทยให้อ่านได้ ก็คือที่
http://84000.org/tipitaka/
ซึ่งเว็บไซต์ดังกล่าวให้บริการมาหลายปีแล้ว แต่ความที่มันอยู่มันเน็ตเวอร์ค บางทีเครื่องเราไม่ได้ใช้เน็ตเวอร์คอยู่ ก็ลำบาก
ผมเพิ่งทราบว่า มีอีกที่หนึ่งให้บริการเหมือนกัน เข้าใจว่า เอาเนื้อหาจากเว็บข้างบน ไปฟอร์แม็ตเป็น PDF และเปิดให้ดาวน์โหลดมาไว้ได้ด้วย หรือจะอ่านบนเว็บก็ตามใจ คือที่
http://www.thammapedia.com/dhamma/tri_verthai.php
ผมเลยไปจัดการดูดมาเก็บไว้ทั้ง ๔๕ เล่ม จากเว็บที่สองนี้แล้ว ด้วยความรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก อนุโมทนา
ว่างๆผมจะตอบแทนสังคม ด้วยการพิมพ์ e-book ไปแปะไว้ฟรีที่ไหนบ้าง (อาจจะที่เว็บของผมเองก็ได้)
การทำพระไตรปิฎกออนไลน์ เพื่อให้สาธารณชนใช้ฟรี ก็เป็นเรื่องน่าอนุโมทนา เพราะ ธรรมะของพระพุทธเจ้า ท่านเมตตาสอนคนมาเมื่อ ๒๖ ศตวรรษก่อน เป็นเรื่องที่ควรรู้ โดยเฉพาะชาวพุทธ และการให้ความรู้ก็เป็นการทำบุญวิธีหนึ่งใน ๑๐ วิธี
เท่าที่ผมทราบ มีพระไตรปิฎกออนไลน์ที่แปลเป็นภาษาไทยให้อ่านได้ ก็คือที่
http://84000.org/tipitaka/
ซึ่งเว็บไซต์ดังกล่าวให้บริการมาหลายปีแล้ว แต่ความที่มันอยู่มันเน็ตเวอร์ค บางทีเครื่องเราไม่ได้ใช้เน็ตเวอร์คอยู่ ก็ลำบาก
ผมเพิ่งทราบว่า มีอีกที่หนึ่งให้บริการเหมือนกัน เข้าใจว่า เอาเนื้อหาจากเว็บข้างบน ไปฟอร์แม็ตเป็น PDF และเปิดให้ดาวน์โหลดมาไว้ได้ด้วย หรือจะอ่านบนเว็บก็ตามใจ คือที่
http://www.thammapedia.com/dhamma/tri_verthai.php
ผมเลยไปจัดการดูดมาเก็บไว้ทั้ง ๔๕ เล่ม จากเว็บที่สองนี้แล้ว ด้วยความรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก อนุโมทนา
ว่างๆผมจะตอบแทนสังคม ด้วยการพิมพ์ e-book ไปแปะไว้ฟรีที่ไหนบ้าง (อาจจะที่เว็บของผมเองก็ได้)
Bangkok situation
Most people living in Bangkok want the violent protest by the red-shirt people to end quickly. The nation's economy has been crippled for the past 2 months after the anti-government movement was signaled to launch the ultimate "demonstration". It has been estimated that economic losses were already in the range of over 70 billion Bahts, and might cost even more.
It has been known that the pro-convicted camp has prepared armed resurrection plan nationwide for years. Unfortunately, the Thai government did not take any action to prevent it in the recent past, or perhaps it lacked sufficient number of cooperating officials and officers to do what is morally right. Many people in the anti-government camp were believed to have been fed with money from some masterminds. Leadership of the protestors have shown that they are willing to risk the lives of women and children they cajoled into their human shields, while preparing fighters armed with M79 grenade launchers and other war weapons, including those captured from soldiers last month. Corrupted people caught last month for manufacturing grenade launchers as well as trying to deliver M79 grenades to their clients were just tips of the icebergs for the social split inside the country at the moment. Yesterday, a car bomb wired in the Southern Thailand style was found. This is a serious warning sign that Southern terrorists are moving in to join the chaos in Bangkok.
There is an additional irony, some prominent persons have called for all sides to cease fire and resume negotiation, knowingly that they do not want peace to actually happen until they get victory.
I try to use Buddhist practice of feeling neutral of what 's happening now, yet I can't help siding with the morally right ones. I have confident that the morally right side will win. I wish peace can be restored soon by soldiers and masterminds for the riots are brought to justice. However, the toll toward Thailand's political stabilization and peace will be sadly high. And political division will remain for years to come.
Everyone has his Karma, and consequences. Everything has its start, it has its end. I now just try to be an observer (in Buddhist sense). This evening, I hope I can still go to attend my evening Abhidhamma class.
----
I did, and return home safely before 2100. Many parts of the city are peaceful.
It has been known that the pro-convicted camp has prepared armed resurrection plan nationwide for years. Unfortunately, the Thai government did not take any action to prevent it in the recent past, or perhaps it lacked sufficient number of cooperating officials and officers to do what is morally right. Many people in the anti-government camp were believed to have been fed with money from some masterminds. Leadership of the protestors have shown that they are willing to risk the lives of women and children they cajoled into their human shields, while preparing fighters armed with M79 grenade launchers and other war weapons, including those captured from soldiers last month. Corrupted people caught last month for manufacturing grenade launchers as well as trying to deliver M79 grenades to their clients were just tips of the icebergs for the social split inside the country at the moment. Yesterday, a car bomb wired in the Southern Thailand style was found. This is a serious warning sign that Southern terrorists are moving in to join the chaos in Bangkok.
There is an additional irony, some prominent persons have called for all sides to cease fire and resume negotiation, knowingly that they do not want peace to actually happen until they get victory.
I try to use Buddhist practice of feeling neutral of what 's happening now, yet I can't help siding with the morally right ones. I have confident that the morally right side will win. I wish peace can be restored soon by soldiers and masterminds for the riots are brought to justice. However, the toll toward Thailand's political stabilization and peace will be sadly high. And political division will remain for years to come.
Everyone has his Karma, and consequences. Everything has its start, it has its end. I now just try to be an observer (in Buddhist sense). This evening, I hope I can still go to attend my evening Abhidhamma class.
----
I did, and return home safely before 2100. Many parts of the city are peaceful.
Hot sea water in Andaman sea off shore from Ranong
News from Thailand Channel 7 reported an unusual phenomenon called "boiling sea water" off the coast of Ranong reported by fishermen where there were bubbling coming up from the Andaman sea floor and a large number of fish were found dead, some floating on the sea surface while bigger ones submerged to the sea bed.
There was an early speculation that it could be due to subterranean heat coming out from cracks on the sea bed.
There was an early speculation that it could be due to subterranean heat coming out from cracks on the sea bed.
Friday, May 14, 2010
วีดิโอน่าสนใจ
วีดิโอ สุนทรพจน์ หรือ ปาฐกถา โดย Stephen Wolfram เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ น่าดูมาก เขาเป็นนักพูดที่ดูท่าทางแล้ว ต้องบอกว่า hyperactive
(linked given above)
(linked given above)
Sunday, May 09, 2010
Interesting free software for literature tracking by author names
I just discovered this neat free software tool for scientists by chance. It is called myPeers. It allow you to follow publications from scientists or authors you are interested to follow as their papers are indexed by Google Scholar. I suspect that for very up-to-date preprints or very new papers coming out, one might need to check out literature databases directly. However, if you are not too serious about getting the latest papers, then this tool could fulfill the job well.
Saturday, May 08, 2010
Buddhist Books (mostly in Thai)
I just thought of the venerable Phra Phromkunaporn (Payut A. Payutto Bhikku), among the most knowledgeable Buddhist monks and scholars, and checked out his website. Surely, there is a list of some 547 of his books. Most of these are available in PDF format as e-books. Good stuff. Link given above.
I downloaded some.
I downloaded some.
Friday, May 07, 2010
หญ้าในอเมริกาเริ่มทน glyphosate
นักชีวเคมีของพืชเขาคาดการณ์กันมาต้ังยี่สิบปีแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้จนได้แหละ คนก็รับผลข้างเคียงจากการใช้ยาไปเต็มๆ
ชื่อชองสารนี้คือ glyphosate แต่ว่า Monsanto เรียกชื่อทางการค้าว่า Roundup
ผมหวังว่าเมืองไทยคงไม่มีใครใช้ แต่คงจะยาก สงสัยว่า ชาวนาไทยคงใช้กันแยะ เคยได้ยินมาว่า ชาวนาไทยส่วนมาก สมัยนี้ทำนาแบบใช้โทรศัพท์มือถือกัน ไม่ค่อยลงแรงเองเหมือนก่อน ถึงเวลาก็โทรๆๆ สั่งของมาลง สั่งรถมาไถ สั่งรถมาดำนา สั่งยามาพ่น สั่งปุ๋ยมาลง สั่งรถมาเกี่ยว
ชื่อชองสารนี้คือ glyphosate แต่ว่า Monsanto เรียกชื่อทางการค้าว่า Roundup
ผมหวังว่าเมืองไทยคงไม่มีใครใช้ แต่คงจะยาก สงสัยว่า ชาวนาไทยคงใช้กันแยะ เคยได้ยินมาว่า ชาวนาไทยส่วนมาก สมัยนี้ทำนาแบบใช้โทรศัพท์มือถือกัน ไม่ค่อยลงแรงเองเหมือนก่อน ถึงเวลาก็โทรๆๆ สั่งของมาลง สั่งรถมาไถ สั่งรถมาดำนา สั่งยามาพ่น สั่งปุ๋ยมาลง สั่งรถมาเกี่ยว
นีแอนเดอทัล
อ่านเจอจากข่าวว่าวันนี้ เปเปอร์ออกมาในวารสาร Science รายงานเรื่อง จีโนมของคนโบราณ นีแอนเดอทัล
พบว่า ในชาวยุโรปและเอเชีย มีสัดส่วนของจีโนมของ คนนีแอนเดอทัล อยู่ประมาณ 4% แสดงว่า มีการผสมข้ามพันธุ์กันในอดีต คาดว่าคงเกิดขึ้นในช่วง 50,000 ปีที่ผ่านมา เพราะบรรพบุรุษคนรุ่นใหม่ ออกมาจากอัฟริกาในราวๆนั้น
น่าสนใจ จะไปตามอ่านดูต่อไป
นอกเรื่องนิดหนึ่ง
เคยอ่านเจอจากเว็บเป็นปีแล้ว มีคนเขียนไว้ เสนอว่าบอกว่า คนในปัจจุบัน เป็นผลจากการที่มนุษย์ต่างดาว เอามนุษย์โบราณไปดัดแปลงพันธุกรรม ให้มีความฉลาดเฉลียวมากขึ้น
การอ่านเรื่องจากเว็บ ต้องไม่ไปซีเรียสมาก เพราะมีเรื่องโกหกแยะมาก
อย่างไรก็ดี ผมก็เห็นว่า ในระยะเวลาเพียงไม่กี่หมื่นปี คนปัจจุบันมีวิวัฒนาการเร็วมากจนเหลือเชื่อ หากเปรียบเทียบรหัสดีเอ็นเอของคนกับลิงชิมแปนซีแล้ว ก็คล้ายกันมาก ดูเหมือนจะ 99% ถ้าจำไม่ผิด วิวัฒนาการอย่างรวดเร็วนี้ดูน่าเร็วมากๆจริงๆ ทำให้คนไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน
ผมคิดว่า ความสงสัยเรื่องที่มีคนกล่าวอ้างมานั้น ก็อยุ่ในวิสัยจะเช็คได้เหมือนกัน คือต้องไปไล่ดูจากรหัสจีโนมคนดูสิว่า มีอะไรตรงไหนที่มันบ่งบอกไว้บ้างว่า มีการดัดแปลงพันธุกรรมเอาไว้ได้บ้าง
พบว่า ในชาวยุโรปและเอเชีย มีสัดส่วนของจีโนมของ คนนีแอนเดอทัล อยู่ประมาณ 4% แสดงว่า มีการผสมข้ามพันธุ์กันในอดีต คาดว่าคงเกิดขึ้นในช่วง 50,000 ปีที่ผ่านมา เพราะบรรพบุรุษคนรุ่นใหม่ ออกมาจากอัฟริกาในราวๆนั้น
น่าสนใจ จะไปตามอ่านดูต่อไป
นอกเรื่องนิดหนึ่ง
เคยอ่านเจอจากเว็บเป็นปีแล้ว มีคนเขียนไว้ เสนอว่าบอกว่า คนในปัจจุบัน เป็นผลจากการที่มนุษย์ต่างดาว เอามนุษย์โบราณไปดัดแปลงพันธุกรรม ให้มีความฉลาดเฉลียวมากขึ้น
การอ่านเรื่องจากเว็บ ต้องไม่ไปซีเรียสมาก เพราะมีเรื่องโกหกแยะมาก
อย่างไรก็ดี ผมก็เห็นว่า ในระยะเวลาเพียงไม่กี่หมื่นปี คนปัจจุบันมีวิวัฒนาการเร็วมากจนเหลือเชื่อ หากเปรียบเทียบรหัสดีเอ็นเอของคนกับลิงชิมแปนซีแล้ว ก็คล้ายกันมาก ดูเหมือนจะ 99% ถ้าจำไม่ผิด วิวัฒนาการอย่างรวดเร็วนี้ดูน่าเร็วมากๆจริงๆ ทำให้คนไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน
ผมคิดว่า ความสงสัยเรื่องที่มีคนกล่าวอ้างมานั้น ก็อยุ่ในวิสัยจะเช็คได้เหมือนกัน คือต้องไปไล่ดูจากรหัสจีโนมคนดูสิว่า มีอะไรตรงไหนที่มันบ่งบอกไว้บ้างว่า มีการดัดแปลงพันธุกรรมเอาไว้ได้บ้าง
Wednesday, May 05, 2010
Online retailing of e-books and digital content to boom even more
e-book is going to be a big business in the next few months onward. I am not sure of Thai people are aware of this, but it has been felt around the World for the past one month immediately after the recent launch of Apple's iPad in the US.
iPad has revolutionized a book and magazine publishing industry from paper-based into online digital media. Google will set up Google Edition in the coming months as a market place to sell e-books. Initial offerning could be in the range of half a million books available. (I suppose mostly in English.) Murdock's News Corp will set up an online store similar to iTune soon. They plan to sell e-books, e-magazines, and likely music, movies, TV programs, too. I think it is a great opportunity for small people to think of setting up small one or two person publication house. People who are not programmers don't need App developing skill in order to get some income from new handheld devices. But I think most people can write, I mean type, and they can produce contents they have expertise in. They have now chance to join this e-content boom.
iPad has revolutionized a book and magazine publishing industry from paper-based into online digital media. Google will set up Google Edition in the coming months as a market place to sell e-books. Initial offerning could be in the range of half a million books available. (I suppose mostly in English.) Murdock's News Corp will set up an online store similar to iTune soon. They plan to sell e-books, e-magazines, and likely music, movies, TV programs, too. I think it is a great opportunity for small people to think of setting up small one or two person publication house. People who are not programmers don't need App developing skill in order to get some income from new handheld devices. But I think most people can write, I mean type, and they can produce contents they have expertise in. They have now chance to join this e-content boom.
หนังสือน่าอ่าน
เพิ่งไปได้หนังสือมาอีก ๒ เล่ม
เพิ่งเริ่มอ่านเล่มแรก
ยุคแห่งความโกลาหล ชีวิตและประสบการณ์ของ อลัน กรีนสแปน ดัชนีชี้เศรษฐกิจโลก
แปลโดย นรา สุภัคโรจน์
แปลจาก
Alan Greenspan, The Age of Turbulence
เพิ่งออกมาเอง
เล่มหนาปึ้ก เกือบ ๗๐๐ หน้า ราคา ๔๙๕ บาท
ผมเคยดูเขาพูดทางทีวีสมัยก่อน สิบกว่าปีมาแล้ว เวลาแกเข้าให้การณ์ต่อ กรรมาธิการของ รัฐสภาอเมริกัน แกพูดจาฟังยาก ผมว่าออกจะน่าเบื่อด้วย เพราะว่าแกต้องพยายามพูดอะไรไม่ให้คนอื่นเข้าใจ ไม่งั้นจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้น วอลล์สตรีทได้ แต่แน่นอนว่าแกเป็นคนฉลาดมาก และนั่นหมายความว่า แกต้องเขียนหนังสือดีด้วย
ดูแล้ว ท่าจะเป็นหนังสือที่ผมชอบอีกเล่มหนึ่ง
เพิ่งเริ่มอ่านเล่มแรก
ยุคแห่งความโกลาหล ชีวิตและประสบการณ์ของ อลัน กรีนสแปน ดัชนีชี้เศรษฐกิจโลก
แปลโดย นรา สุภัคโรจน์
แปลจาก
Alan Greenspan, The Age of Turbulence
เพิ่งออกมาเอง
เล่มหนาปึ้ก เกือบ ๗๐๐ หน้า ราคา ๔๙๕ บาท
ผมเคยดูเขาพูดทางทีวีสมัยก่อน สิบกว่าปีมาแล้ว เวลาแกเข้าให้การณ์ต่อ กรรมาธิการของ รัฐสภาอเมริกัน แกพูดจาฟังยาก ผมว่าออกจะน่าเบื่อด้วย เพราะว่าแกต้องพยายามพูดอะไรไม่ให้คนอื่นเข้าใจ ไม่งั้นจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้น วอลล์สตรีทได้ แต่แน่นอนว่าแกเป็นคนฉลาดมาก และนั่นหมายความว่า แกต้องเขียนหนังสือดีด้วย
ดูแล้ว ท่าจะเป็นหนังสือที่ผมชอบอีกเล่มหนึ่ง
8 days using a 15" Macbook Pro with Core i7 cpu, 7200 rpm 500 GB hard drive
I have used my brand new Core i7 Apple MBP for 8 days already. I want to say that I have enjoyed it very much and I am glad I did order this machine, not a lower spec machine. It is a very fast machine. According to the spec of the machine, it is the speediest notebook computer available in the market at this time.
With some word processing softwares loaded (NeoOffice and Pages), spreadsheet (Numbers), 3 different Text editor softwares, Activity Monitor, Preview, iCal, Dictionary, the cpu load was < 4% (User + system).
When I watched VDO using Miro software, the cpu load percentage reported by Activity Monitor was in the range of 10-20% at most. With my former 1.67 GHz G4 PowerBook, it used to be around 100%. The image quality of the vdo for the 2.66 GHz i7 cpu and graphic circuitry was much better than my 4.5 yr old G4 PB. (I have to admit I have no tool to monitor which GPU it was using). Never mind, I am just a normal user, not technical reviewer.
CPU load percentage usually hover in the low 10% most of the time. The only time when I noticed that it went into high gear at around 360% cpu load was when I imported several hundreds of pictures from my camera into iPhoto and face recognition started to kick in.
Backing up with Time Machine is also very fast. With a recent back up of over 8 GB of new data to an external hard drive connected via a FireWire 800 cable, it took only a few minutes to finish the job. (It took hours in my older Mac G4 PowerBook notebook. I wished I replaced it a year sooner. But I have wished to wait for the 32 nm cpu anyway.)
For normal use this machine rarely gets warm much. Before the delivery of the machine, I was worrying a bit for the custom ordered i7 cpu for the notebook whether it would turn into a hot toaster or not. Now I am glad that it won't happen.
Battery life in my experience is around 6:30 - 7 hr, never up to 8 hr as advertised, perhaps that is because I always use a USB mouse which always drain the battery. But that is good enought for my use. Now I can have a chance to work long hours elsewhere in many places with full confidence and not to worry about electrical outlets, like in some libraries, or in a campus garden.
Most of the softwares from my former PowerBook Mac under Leopard work with Snow Leopard so far. A notable exception is NeoOffice which I needed to download the Intel cpu version to use, not the PowerPC cpu version as imported from the old machine. There is another software that did not work, let me think. Oh, right, emacs, so I had to download a new version of Aquamacs instead. (But I ended up with TextWrangler and GEdit, and I tend to like these 2 more for now.)
With some word processing softwares loaded (NeoOffice and Pages), spreadsheet (Numbers), 3 different Text editor softwares, Activity Monitor, Preview, iCal, Dictionary, the cpu load was < 4% (User + system).
When I watched VDO using Miro software, the cpu load percentage reported by Activity Monitor was in the range of 10-20% at most. With my former 1.67 GHz G4 PowerBook, it used to be around 100%. The image quality of the vdo for the 2.66 GHz i7 cpu and graphic circuitry was much better than my 4.5 yr old G4 PB. (I have to admit I have no tool to monitor which GPU it was using). Never mind, I am just a normal user, not technical reviewer.
CPU load percentage usually hover in the low 10% most of the time. The only time when I noticed that it went into high gear at around 360% cpu load was when I imported several hundreds of pictures from my camera into iPhoto and face recognition started to kick in.
Backing up with Time Machine is also very fast. With a recent back up of over 8 GB of new data to an external hard drive connected via a FireWire 800 cable, it took only a few minutes to finish the job. (It took hours in my older Mac G4 PowerBook notebook. I wished I replaced it a year sooner. But I have wished to wait for the 32 nm cpu anyway.)
For normal use this machine rarely gets warm much. Before the delivery of the machine, I was worrying a bit for the custom ordered i7 cpu for the notebook whether it would turn into a hot toaster or not. Now I am glad that it won't happen.
Battery life in my experience is around 6:30 - 7 hr, never up to 8 hr as advertised, perhaps that is because I always use a USB mouse which always drain the battery. But that is good enought for my use. Now I can have a chance to work long hours elsewhere in many places with full confidence and not to worry about electrical outlets, like in some libraries, or in a campus garden.
Most of the softwares from my former PowerBook Mac under Leopard work with Snow Leopard so far. A notable exception is NeoOffice which I needed to download the Intel cpu version to use, not the PowerPC cpu version as imported from the old machine. There is another software that did not work, let me think. Oh, right, emacs, so I had to download a new version of Aquamacs instead. (But I ended up with TextWrangler and GEdit, and I tend to like these 2 more for now.)
Tuesday, May 04, 2010
Should one be away from social networking ?
I personally believe that social networking is gaining too much hype recently in Thailand, among teenagers as well as among some circle of academics. I am one who don't trust social networking operators.
Perhaps I have been working with computers for too long, some 27 years. I have been well informed from the start to guard some personal privacy and tried to keep some private data away from the networks. So I don't trust social networking services enough to share my private profile, let alone information. However the main reason for not joining the social network circle is that I don't want to waste my time mingling around with laymen, esp. young non-academic people. I am also definitely eccentric in many ways. Well, I still keep option opened in the future for professional and academic social networking, but for general social networking, I 'll gladly pass. Buddhist monks always recommend that inter-mingling with people too much is not good for us since that will definitely lead to a non-sense chitchat, and that will lead to a lost of "right-consciuosness".
Today someone wrote an article suggesting that people should disengage from some social network, mentioning Facebook in particular. That article confirmed my distrust in social networking. I have put up a link above for people to follow up and see what 's written there and make judgement for themselves.
Perhaps I have been working with computers for too long, some 27 years. I have been well informed from the start to guard some personal privacy and tried to keep some private data away from the networks. So I don't trust social networking services enough to share my private profile, let alone information. However the main reason for not joining the social network circle is that I don't want to waste my time mingling around with laymen, esp. young non-academic people. I am also definitely eccentric in many ways. Well, I still keep option opened in the future for professional and academic social networking, but for general social networking, I 'll gladly pass. Buddhist monks always recommend that inter-mingling with people too much is not good for us since that will definitely lead to a non-sense chitchat, and that will lead to a lost of "right-consciuosness".
Today someone wrote an article suggesting that people should disengage from some social network, mentioning Facebook in particular. That article confirmed my distrust in social networking. I have put up a link above for people to follow up and see what 's written there and make judgement for themselves.
Subscribe to:
Posts (Atom)