ระยะหลังนี้ นอกจากผมจะเข้าสมาธิรายวันแล้ว ผมก็จะทำบุญทำทานบ่อยกว่าเดิม น่าจะพูดได้ว่าทุกสัปดาห์ ต้องทำมากบ้างน้อยบ้าง มากหน่อยก็เช่น สมทบทุนสร้างพระ สร้างกุฏิพระ สร้างโบสถ์ ผ้าป่า กฐิน เรื่อยมาจน ถายเงินพระอาจารย์ ฯลฯ ส่วนน้อยๆก็ถวาย หรือ ให้ทานวณิพกและคนขอทาน (ยังไม่นับช่วยซื้อของอุดหนุนพ่อค้าแม่ค้าขายของต่างๆ เวลาเห็นหน้าตาแกจ๋อยๆ) อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ร่วมกับคนใกล้ตัวบริจาคเงินสมทบทุนพิมพ์หนังสือธรรมะเล่มหนึ่ง (ว่างๆจะมาพูดเรื่องนี้ต่อ) และตอนนี้ก็ตั้งใจว่าจะไปบริจาคเงินช่วยผู้ประสบภัยชาวพม่า อาจจะเป็นพรุ่งนี้ (เลยเขียนเตือนความจำตัวเองไว้ก่อน) เพราะพม่าก็เป็นชาวพุทธด้วยกันก็ต้องช่วยกัน และยังมีลูกหลานเชื้อสายไทยจำนวนมาก ที่สืบสายมาจากชาวไทยที่โดนกวาดต้อนไปจากสมัยกรุงศรีอยุธยาแตก และน่าสงสารที่พวกเขาโดนปกครองด้วยระบอบกดขี่และโกงกินกันมากแบบนั้น ปกติก็ยากจนค่นแค้นอยู่แล้ว การมาได้รับเคราะห์กรรมครั้งนี้เรียกว่าเป็นการซำ้เติมทีเดียว ในใจผมนึกว่า ยังดีที่ยังไม่เกิดเหตุหายนะแบบนี้กับเมืองไทยบ้าง มิฉะนั้นไทยจะเสียหายหนักกว่ามาก เพราะอาคาร สิ่งก่อสร้าง ถนน และอุตสาหกรรมต่างๆบ้านเรามีมากกว่า แต่พูดก็พูดเถอะ (เคาะโต๊ะ ป๊อกๆ) ของพรรค์นี้ บอกไม่ได้แน่นอน ในยุคโลกร้อนนี้ อากาศแปรปรวนมาก ใครจะไปรู้ว่า เมื่อไรใต้ฝุ่นที่บางปีจะเข้าภาคใต้ของไทยนั้น มันจะไม่มีบางลูกวกขึ้นเหนือมากรุงเทพฯและภาคกลางบ้าง ถ้าเป็นดังนั้น เรื่องเศรษฐกิจบ้านเราที่ถูกถล่มเมื่อปี ๒๕๔๐ นั่นจะกลายเป็นเรื่องเล็กๆไปเลยทีเดียวแหละ เพราะภัยพิบัติคราวหน้ามันก็จะเป็นเรื่องความสูญเสียของชีวิตจำนวนมาก และความสูญเสียทางอารยธรรมของชาติพ่วงเข้าไปอีก เพราะกรุงเทพฯคือเกือบทุกอย่างที่ประเทศไทยมี ฝรั่งเขามีสำนวนเรียกว่า เอาไข่ทุกใบใส่ไว้ในตระกร้าใบเดียว
ผมนึกถึงเรื่องสึนามิเมื่อหลายปีก่อน ก่อนเกิดเหตุไม่กี่เดือน ผมไปเที่ยวทะเลที่แถวๆกระบี่ ยังจำได้ดีว่า ตอนนั้นมันมีความรู้สึกประหวั่นในใจผมอย่างบอกไม่ถูก คือรู้สึกว่ามันอาจมีภัยที่จะเข้ามาถล่มชายฝั่งได้จากทะเลสู่ชายฝั่งเมื่อไรก็ได้ แต่ตอนน้ันผมก็คิดปลอบใจตัวเองต่อไปอีกว่า แต่เมืองไทยไม่มีสึนามินี้นา ก็ไม่น่าจะมีอะไร แต่อีกใจหนึ่งก็บอกตัวเองว่า วิทยาศาสตร์สอนเรามาว่า อย่าพูดว่า never สุดท้ายแล้วสิ่งที่ผมเคยรู้สึกมันก็เกิดขึ้นมาได้วันหนี่งจนได้
3 comments:
เปิดลิงก์ไปเรื่อยๆ เริ่มจากความสนใจต่อ อ.จำรัส เกียรติก้อง จนสุดท้ายมาพบ Blog ของคุณเข้า รู้สึกสะดุดใจ และเห็นว่าคุณเป็นคนมีจิตใจดี (..อนุโมทนาด้วยka) มีอะไรที่ชอบเหมือนกัน ตัวเองก็ชอบนั่งสมาธิ+วิปัสสนา ยินดีที่รู้จักนะคะ ..แล้วจะเข้ามาใหม่
ขอบคุณครับ แวะมาเยี่ยมอีกนะครับ
เป็นวันจันทร์ที่ว่างงซะจัง..วันนี้เกือบตลอดบ่าย ติดตามอ่าน blog ของคุณเสียมากมาเลย ตอนนี้เริ่มรู้จักแล้วนะ ..เช่นว่า ชอบนั่งสมาธิ และตอนนี้กำลังศึกษาวิปัสสนา (เหมือนกันเลย) เคยไปเรียนที่อินเดียด้วย (เมืองไหนเหรอคะ?) ..อินเดียเป็นเมืองที่อยากไปมากกเลย อยากไปนั่งวิปัสสนาที่ศูนย์ Dhamma Dhaja รัฐปัญจาบ แต่ยังเกรงลำบากเรื่องอาหารที่ต้องทานแต่ถั่วอยู่
Post a Comment