สามวันก่อนไปประชุมผู้ปกครองของโรงเรียนอำนวยศิลป์ รู้สึกตัวอยู่ล่วงหน้าแล้วว่า การประชุมชี้แจงครั้งนี้ โรงเรียนอาจจะมุ่งขอเงินสนับสนุนจากผู้ปกครองเพิ่ม ก็เป็นเรื่องจริง โรงเรียนมีการนำ interactive white board ที่ทำหน้าที่เป็นจอคอมพิวเตอร์ขนานใหญ่สำหรับห้องเรียนขนาดเล็ก มาใช้ในโรงเรียนเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่ครบทุกชั้น ไม่ครบทุกห้องเรียน เป็นบางวิชาเท่านั้น และจะมีการไปซื้อไลเซนส์ซอฟต์แวร์เสริมการเรียนภาษาอังกฤษที่ชื่อ Fast ForWord มาในอัตราสูงถีงปีละสองล้านบาท โดยลงโปรแกรมได้ในคอมพิวเตอร์เพียงห้าสิบเครื่องเท่านั้น นับว่าแพงเอาการ ตกเครื่องละสี่หมื่นต่อปี คิดว่าเด็กคงใช้ไม่ได้กันทุกคน จะมีการปรับปรุงระบบไฟเบอร์ออพติกของโรงเรียน เพราะแบนด์วิธของการใช้มัลติมีเดียในโรงเรียนสูงขึ้นมาก เน็ตเวอร์คเริ่มรับไม่ไหว จะมีการซื้อหนังสือเพิ่มเติมเพื่อให้โรงเรียนก้าวเข้าสู่โรงเรียนมาตราฐานระดับนานาชาติ ภายในอีกแปดปีข้างหน้า เปลี่ยนคอมพิวเตอร์ใหม่อีกเป็นจำนวนมาก ทางโรงเรียนพยายามเน้นว่า ค่าใช่จ่ายพื้นฐานที่ผู้ปกครองจ่ายตอนนี้ ปีละแสนแปดหมื่นบาทต่อนักเรียนหนี่งคนนั้น ต่ำกว่าโรงเรียนอินเตอร์ทั่วไปมาก
ผมนั่งฟังก็รู้สีกถีงความเอาใจใส่ของผู้บริหารโรงเรียน (เป็นโรงเรียนเอกชน ที่มูลนิธิเป็นเจ้าของ) ที่จะพยายามขวนขวาย นำสิ่งที่ดีที่สุดมาสู่นักเรียนของโรงเรียน ทำให้เป็นเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย ที่สามารถทำอย่างนี้ได้ ก็รู้สีกว่า ต้องทำใจ คงต้องกัดฟัดจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่จะมีในส่วนต่างๆจากที่ขอการสนับสนุนเพิ่มเติม
ผมย้อนกลับมารำพีงว่า แล้วการศีกษาในโรงเรียนของรัฐล่ะจะเป็นอย่างไรต่อไป เขาคงไม่มีความสามารถทำได้อย่างโรงเรียนเอกชนแบบนี้แน่ เพราะเก็บค่าเรียนถูกมาก ก็ต้องนีกถีงสุภาษิตฝรั่งที่เคยได้ยินว่า you get what you pay ซึ่่งหมายความว่า คุณจ่ายไปเท่าไรก็ได้ของคุณภาพเท่านั้น นั่นแหละการศีกษาไทย ทุกระดับ ตั้งแต่ประถมหนี่งยันปริญญาเอกก็ว่าได้
ผมรู้สีกแล้วว่าการศีกษาที่ดีย่อมไม่ฟรี จะต้องมีผลเสียไปแลก ผมเริ่มรู้สีกกังวลกับนโยบายเรียนฟรีในรัฐธรรมนูญว่า ในทางปฏิบัติจริง ที่รัฐไม่มีเงินพอสำหรับการศีกษาทั่วประเทศนั้น จะทำให้การเรียนของเด็กไทยเป็นโรคแคระแกร็นไปหมด และที่จะมีผลกระทบมากก็คือการเรียนในชนบท ถิ่นห่างไกล ที่ไม่มีงบให้ก็คงไม่มีต่อไป
No comments:
Post a Comment