Monday, September 15, 2008

วิกฤตการณ์ซับไพรมของอเมริกายังไม่จบ

เพิ่งเห็นข่าววันนี้ หลายบริษัทยักษ์ที่เป็นโบรกเกอร์ใน Wall Street เริ่มมีปัญหาอีก Lehman Brothers ขาดทุน 600,000 ล้านเหรียญ (คูณ ๓๕ เข้าไป จะออกมาเป็นค่าเงินบาทประมาณช่วงนี้) ต้องยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา ๑๑ ของอเมริกัน บริษัท Merill Lynch ก็ต้องขายบริษัทให้ Bank of America ไปเพราะขาดทุนราว 50,000 ล้านเหรียญ พนักงานคงต้องออกจากงานกันแยะพอสมควร

นี้ยังไม่นับว่าคนอเมริกันกี่หมื่นกี่แสนคนที่อยู่ๆก็เสียบ้านของตัวเอง เพราะบ้านโดนยึดไปขายทอดตลาด เพราะราคาบ้านของเขาในราคาตลาดตอนนี้ ตำ่กว่ามูลค่าเงินกู้ที่ตนเคยไปกู้มา (บริษัท AIG บริษัทแม่ของ AIA ถ้าเข้าใจไม่ผิด ก็ชักจะแย่)

ผมคิดว่าเป็นกรรมของเขา ที่กำลังย้อนกลับไปหานักธุรกิจเมริกัน (อันนี้ไม่ได้ซ้ำเติม มีความเห็นใจ แต่ก็ว่าไปตามเนื้อผ้า) หลังจากคนไทยและหลายประเทศโดนพวกนี้แหละมีส่วนช่วยกันถล่มมาเมื่อครั้งวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง เมื่อสิบกว่าปีก่อน สมัยบิ๊กจิ๋วเป็นนายกฯ ที่เงินบาทโดนโจมตีค่าจนประเทศไทยสูญเงินสำรองต่างประเทศหมดไป ๘ แสนล้านเพียงแว็บเดียว คนไทยที่เป็นนักธุรกิจตอนนั้นล่มจมกันมาก เพราะอยู่ๆ เงินบาทจากราวๆ ๓๐ บาทต่อดอลล่าร์กระมังกลายเป็นห้าสิบห้่าบาท (ว่ากันให้แซดทั้งประเทศว่า มียกเว้นอยู่คนเดียวที่กลับรวย ก็คนนั้นแหละ) คนฆ่าตัวตายไปก็ไม่น้อย คนงานไทยโดนปลดจากงานเป็นแสนๆคน โรงงานเป็นหมื่นๆแห่งปิดระนาว ตอนนี้เห็นแล้ว ผมเชื่อเลยว่ากรรมทันตามีจริง

อย่างไรก็ดี พรุ่งนี้ตลาดหุ้นไทยคงทรุดต่อตามข่าวนี้อีก ผมเฉยๆแล้วละ เงินลงทุน LTF ผมเพิ่งซื้่อไปยังไม่ถึงปี มูลค่าหายไปราว 25% แล้ว ไปๆมาๆ คนไทยก็รับกรรมต่อจากฝรั่งอีกด้วยแฮะ ช่างหัวมัน เงินทองเป็นของมายา เป็นเรื่องสมมุติ ไม่ต้องไปกังวลมาก ไม่ต้องมีเงินเก็บให้ลูกมากนักก็ได้ เมื่อเขาโตแล้ว ก็คงมีปัญญาไปหาทรัพย์เอาเองมั่ง

No comments: