ปกิณกะ ไทย I posted about interesting items information I found, write my views on books I read, education, science and technology, Buddhism and meditation, economic and business, music, and movies, country and rural development. Articles are in English or Thai.
Tuesday, September 23, 2008
A book set in the mail today
I just received a set of Britannica Concise Encyclopedia (Thai language) from the publisher in the mail today. I was informed that the retail price is about 9900 Baht or so but I got it gratis since I was among 50 or so Thai scholars who did the translation (and editorial works) for them. (I blogged on this twice already.) For biological topics, I split about 50:50 with a younger colleague. It was a behind-the-scene job about 2 yr ago, like a Thai adage which says it 's like "affixing gold leafs on the hind side of a Buddha image". I hope this set of reference books would be useful for education of Thai kids for years to come. I was told that some 2000 or 3000 sets would be donated to schools in Thailand. Thanks to various sponsoring organizations. (The only bad experience about that translation task was that I was forced to use a Windows XP-based software. I could not use my Mac for that. And it tooks us some 4-5 months. Urgh! Had I known that earlier I would not have accepted the work.)
I plan to donate my copy to a Thai school too, but I probably wait for some time though. I have over a thousand Thai and English language books from my personal library that I am thinking of donating to a remote school somewhere and I think I might bundle this set with them too. I am now still looking for a suitable place to donate my collection, perhaps in a high mountain area. I want to fulfill my childhood dream (perhaps 40 years ago) of building a decent library in a jungle hill that will serve as a remnant of Thai and international civilization that might last through any doomsday event. Any school getting my collection would probably be like hitting an academic jackpot since I am a serious bookworm and have accumulated books for several decades. I must point out that many good non-fiction books in Thailand were usually printed in small numbers, like 1-2000 copies only and no more reprinting. So my collection is unlikely to be matched by others easily. Some of my books I started buying was when I was still in grade 5, including my first book about Apollo 11 and the first landing of man on the moon. I noted down that paid 6 Baht out of my daily allowance to buy it.
By the way, I still remember that landing event some 40 yr ago quite clearly. On that first lunar landing day the entire school did not have any class, but we were all downstairs watching anxiously a global television broadcast (in black and white TV). That 's a long time ago. And then perhaps a year after that I bought that book.
Wednesday, September 17, 2008
จากข่าวนมทารกในจีนเติมสารเมลามีน
ข่าวต่างประเทศน่าสนใจ ก็คือข่าวที่นมที่ใช้เลี้ยงทารกในจีนบางล๊อตมีการจงใจเติมสารเมลามีน เพื่อทำให้การวัดปริมาณไนโตรเจนได้สูง เป็นการหลอกการตรวจคุณภาพนม ว่ามีโปรตีนสูง ผลก็คือเด็กตายไปหลายคน และป่วยอีกเป็นจำนวนมาก (ใส่ลิงก์วิกิพีเดียไว้ให้ข้างบนแล้วสำหรับสาร เมลามีน หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม)
น่าสนใจที่ว่า โรงงานเหล่านั้นก็เป็นโรงงานของรัฐเอง แต่กระนั้นผู้บริหารก็ยังมีโลภมาก กระทำการที่เป็นอันตรายเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ อยากได้กำไรสูงๆ
คนที่ขาดคุณธรรมเหล่านี้ไม่ควรได้รับการคัดเลือกมาเป็นผู้บริหารตั้งแต่ต้น
อ้อ ผมคิดว่าประโยคข้างบนใช้ได้กับกรณีการสรรหาผู้บริหารหน่วยราชการไทยด้วย ดังพระราชดำรัสที่เคยมีนานมาแล้วว่าต้องพยายามไม่ให้คนไม่ดีเข้ามามีอำนาจ
หน่วยงานราชการบางแห่งประสบความสำเร็จในการป้องกันไม่ให้คนที่มีคุณธรรมไม่ได้มาตราฐานขึ้นเป็นผู้บริหาร หน่วยงานนั้นก็โชคดีไป และประชาชนก็ได้รับประโยชน์ไป แต่หน่วยงานใดที่ไม่สามารถป้องกันได้ อาจจะเป็นเพราะนักการเมืองขาดคุณธรรมเข้ามาบงการ ทำให้ได้ผู้บริหารที่ไม่มีคุณธรรม เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง หน่วยงานนั้นก็เสียประโยชน์ไป รวมทั้งประชาชนในสังคมด้วย
น่าสนใจที่ว่า โรงงานเหล่านั้นก็เป็นโรงงานของรัฐเอง แต่กระนั้นผู้บริหารก็ยังมีโลภมาก กระทำการที่เป็นอันตรายเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ อยากได้กำไรสูงๆ
คนที่ขาดคุณธรรมเหล่านี้ไม่ควรได้รับการคัดเลือกมาเป็นผู้บริหารตั้งแต่ต้น
อ้อ ผมคิดว่าประโยคข้างบนใช้ได้กับกรณีการสรรหาผู้บริหารหน่วยราชการไทยด้วย ดังพระราชดำรัสที่เคยมีนานมาแล้วว่าต้องพยายามไม่ให้คนไม่ดีเข้ามามีอำนาจ
หน่วยงานราชการบางแห่งประสบความสำเร็จในการป้องกันไม่ให้คนที่มีคุณธรรมไม่ได้มาตราฐานขึ้นเป็นผู้บริหาร หน่วยงานนั้นก็โชคดีไป และประชาชนก็ได้รับประโยชน์ไป แต่หน่วยงานใดที่ไม่สามารถป้องกันได้ อาจจะเป็นเพราะนักการเมืองขาดคุณธรรมเข้ามาบงการ ทำให้ได้ผู้บริหารที่ไม่มีคุณธรรม เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง หน่วยงานนั้นก็เสียประโยชน์ไป รวมทั้งประชาชนในสังคมด้วย
Monday, September 15, 2008
วิกฤตการณ์ซับไพรมของอเมริกายังไม่จบ
เพิ่งเห็นข่าววันนี้ หลายบริษัทยักษ์ที่เป็นโบรกเกอร์ใน Wall Street เริ่มมีปัญหาอีก Lehman Brothers ขาดทุน 600,000 ล้านเหรียญ (คูณ ๓๕ เข้าไป จะออกมาเป็นค่าเงินบาทประมาณช่วงนี้) ต้องยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา ๑๑ ของอเมริกัน บริษัท Merill Lynch ก็ต้องขายบริษัทให้ Bank of America ไปเพราะขาดทุนราว 50,000 ล้านเหรียญ พนักงานคงต้องออกจากงานกันแยะพอสมควร
นี้ยังไม่นับว่าคนอเมริกันกี่หมื่นกี่แสนคนที่อยู่ๆก็เสียบ้านของตัวเอง เพราะบ้านโดนยึดไปขายทอดตลาด เพราะราคาบ้านของเขาในราคาตลาดตอนนี้ ตำ่กว่ามูลค่าเงินกู้ที่ตนเคยไปกู้มา (บริษัท AIG บริษัทแม่ของ AIA ถ้าเข้าใจไม่ผิด ก็ชักจะแย่)
ผมคิดว่าเป็นกรรมของเขา ที่กำลังย้อนกลับไปหานักธุรกิจเมริกัน (อันนี้ไม่ได้ซ้ำเติม มีความเห็นใจ แต่ก็ว่าไปตามเนื้อผ้า) หลังจากคนไทยและหลายประเทศโดนพวกนี้แหละมีส่วนช่วยกันถล่มมาเมื่อครั้งวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง เมื่อสิบกว่าปีก่อน สมัยบิ๊กจิ๋วเป็นนายกฯ ที่เงินบาทโดนโจมตีค่าจนประเทศไทยสูญเงินสำรองต่างประเทศหมดไป ๘ แสนล้านเพียงแว็บเดียว คนไทยที่เป็นนักธุรกิจตอนนั้นล่มจมกันมาก เพราะอยู่ๆ เงินบาทจากราวๆ ๓๐ บาทต่อดอลล่าร์กระมังกลายเป็นห้าสิบห้่าบาท (ว่ากันให้แซดทั้งประเทศว่า มียกเว้นอยู่คนเดียวที่กลับรวย ก็คนนั้นแหละ) คนฆ่าตัวตายไปก็ไม่น้อย คนงานไทยโดนปลดจากงานเป็นแสนๆคน โรงงานเป็นหมื่นๆแห่งปิดระนาว ตอนนี้เห็นแล้ว ผมเชื่อเลยว่ากรรมทันตามีจริง
อย่างไรก็ดี พรุ่งนี้ตลาดหุ้นไทยคงทรุดต่อตามข่าวนี้อีก ผมเฉยๆแล้วละ เงินลงทุน LTF ผมเพิ่งซื้่อไปยังไม่ถึงปี มูลค่าหายไปราว 25% แล้ว ไปๆมาๆ คนไทยก็รับกรรมต่อจากฝรั่งอีกด้วยแฮะ ช่างหัวมัน เงินทองเป็นของมายา เป็นเรื่องสมมุติ ไม่ต้องไปกังวลมาก ไม่ต้องมีเงินเก็บให้ลูกมากนักก็ได้ เมื่อเขาโตแล้ว ก็คงมีปัญญาไปหาทรัพย์เอาเองมั่ง
นี้ยังไม่นับว่าคนอเมริกันกี่หมื่นกี่แสนคนที่อยู่ๆก็เสียบ้านของตัวเอง เพราะบ้านโดนยึดไปขายทอดตลาด เพราะราคาบ้านของเขาในราคาตลาดตอนนี้ ตำ่กว่ามูลค่าเงินกู้ที่ตนเคยไปกู้มา (บริษัท AIG บริษัทแม่ของ AIA ถ้าเข้าใจไม่ผิด ก็ชักจะแย่)
ผมคิดว่าเป็นกรรมของเขา ที่กำลังย้อนกลับไปหานักธุรกิจเมริกัน (อันนี้ไม่ได้ซ้ำเติม มีความเห็นใจ แต่ก็ว่าไปตามเนื้อผ้า) หลังจากคนไทยและหลายประเทศโดนพวกนี้แหละมีส่วนช่วยกันถล่มมาเมื่อครั้งวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง เมื่อสิบกว่าปีก่อน สมัยบิ๊กจิ๋วเป็นนายกฯ ที่เงินบาทโดนโจมตีค่าจนประเทศไทยสูญเงินสำรองต่างประเทศหมดไป ๘ แสนล้านเพียงแว็บเดียว คนไทยที่เป็นนักธุรกิจตอนนั้นล่มจมกันมาก เพราะอยู่ๆ เงินบาทจากราวๆ ๓๐ บาทต่อดอลล่าร์กระมังกลายเป็นห้าสิบห้่าบาท (ว่ากันให้แซดทั้งประเทศว่า มียกเว้นอยู่คนเดียวที่กลับรวย ก็คนนั้นแหละ) คนฆ่าตัวตายไปก็ไม่น้อย คนงานไทยโดนปลดจากงานเป็นแสนๆคน โรงงานเป็นหมื่นๆแห่งปิดระนาว ตอนนี้เห็นแล้ว ผมเชื่อเลยว่ากรรมทันตามีจริง
อย่างไรก็ดี พรุ่งนี้ตลาดหุ้นไทยคงทรุดต่อตามข่าวนี้อีก ผมเฉยๆแล้วละ เงินลงทุน LTF ผมเพิ่งซื้่อไปยังไม่ถึงปี มูลค่าหายไปราว 25% แล้ว ไปๆมาๆ คนไทยก็รับกรรมต่อจากฝรั่งอีกด้วยแฮะ ช่างหัวมัน เงินทองเป็นของมายา เป็นเรื่องสมมุติ ไม่ต้องไปกังวลมาก ไม่ต้องมีเงินเก็บให้ลูกมากนักก็ได้ เมื่อเขาโตแล้ว ก็คงมีปัญญาไปหาทรัพย์เอาเองมั่ง
Subscribe to:
Posts (Atom)