ผมไปอินเดียสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าแม้ว่าคนส่วนมากจะยากจน บ้านเมืองจะสกปรก แต่ก็มีคนฉลาดมากๆ มีความรู้ลุ่มลึกระดับโลกอยู่แยะ
เหตุเพราะมีพลเมืองมาก และการแข่งขันสูง ทำให้คนต้องพยายามฟันฝ่าอย่างมากเพื่อให้ได้งานทำ (คงไม้ต้องบอกว่างานดีๆ) นักวิชาการก็เลยเก่งมากๆ
ขนาดไฟฟ้าดับแทบจะทุกชั่วโมงก็ยังทำงานดีๆออกมาได้มาก คิดเป็นสัดส่วนกับประชากรแล้วยังมากกว่าเมืองไทย
บ้านเราคงเป็นเพราะคนไทยมีความเป็นอยู่ดีกว่าเมืองแขกมาก คนจนมากๆมีจำนวนน้อยกว่า บ้านเมืองเราก็สะอาดกว่า แต่ผมดูๆแล้วคนที่ฉลาดมากๆน่าจะมีอยู่น้อย
เพราะบ้านเราเป็นเมืองสบาย อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ ฝกตกมาก อาหารไม่ขาดแคลน
ผมได้มีโอกาสฟังผู้บริหารของบริษัททางไบโอเทคแห่งหนึ่งของอินเดียเล่าว่า เมื่อเขาเปิดบริษัทสามปีก่อน ต้องการพนักงานราว ๒๕ คนเท่านั้น
แต่มีผู้สมัครเข้าไปถึงราว ๒๔๐๐๐ คน ผลสุดท้ายเลยคัดมาได้ราว ๓๐ คน จะเห็นว่า บริษัทเขาได้คนแบบหัวกะทิจริงๆเข้าไปทำงาน
ปัญหาหนึ่งที่เขาพบก็คือ เขาพบว่าบัณฑิตที่นั่นก่อนจะทำงานได้ต้องฝึกงานเสียก่อน เพราะบัณฑิตจบใหม่ยังไม่มีทักษะสูงพอที่จะทำงาน ผมได้ฟังก็เฉยๆในเรื่องนี้
บ้านเราปัญหาอาจจะแย่กว่ามาก เพราะมีมหาวิทยลัยใหม่ๆที่ปรับสถานะขึ้นมาสอนระดับปริญญาตรีแยะมาก แต่ดูแล้ว คุณภาพหลักสูตร และคุณภาพของคณาจารย์ส่วนมาก
ดูจะไม่ได้ปรับตาม มหาวิทยาลัยชั้นนำในบ้านเราบางแห่งบางหลักสูตรก็อาจจะมีปัญหาเรื่อง หลักสูตรไม่เคยเปลี่ยนเลยมาสี่สิบปีแล้วก็มี แม้ว่าโลกจะก้าวหน้าไปมากแค่ไหน
เผลอๆถ้าผมหรือใครกะจะเปิดบริษัทมั่ง คงต้องฝึกงานไม่น้อยกว่า ๖ เดือนละมัง
No comments:
Post a Comment