There is a news in Thai local media that "Knowing Buddha" group will organize a campaign to rally for appropriate treatment of Buddha images and his names on June 30th.
Buddhists have been upset, although usually kept quiet, about non-Buddhists naming of bars, restaurants, merchandises, pets, etc. after Buddha, considering that as highly disrespect. Uses of his images or sculptures as mere decorative objects in various places rather than in a place of worship, are also considered unacceptable.
ปกิณกะ ไทย I posted about interesting items information I found, write my views on books I read, education, science and technology, Buddhism and meditation, economic and business, music, and movies, country and rural development. Articles are in English or Thai.
Wednesday, June 27, 2012
Tuesday, June 12, 2012
หลักความปรองดอง
ระหว่างที่ค้นเอกสารบนเว็บ ก็ไปเจอ หนังสือเล่มหนึ่ง เป็น ebook ว่าด้วย หลักความปรองดอง ปัญจสดมภ์ เห็นว่าดีมาก
Saturday, June 09, 2012
ป๊อปเปอร์ จะเป็นวิทยาศาสตร์ได้ก็ต้องพิสูจน์ได้ว่าผิด
ไปเจอวีดิโอ อ่านบทความดังของ เซอร์ คาร์ล ป๊อปเปอร์ (Sir Karl Popper) เรื่อง Science As Falsification
เป็นแนว ปรัชญาทางวิทยาศาสตร์ (Philosophy of Science) ที่อาจารย์ปรัชญาไทยบางท่านเรียกสาขานี้ว่า วิทยปรัชญา
ดีมาก น่าฟัง สำหรับคนขี้เกียจอ่าน หรืออ่านมามากไปแล้ว จนปวดตา
vdo link here
เป็นแนว ปรัชญาทางวิทยาศาสตร์ (Philosophy of Science) ที่อาจารย์ปรัชญาไทยบางท่านเรียกสาขานี้ว่า วิทยปรัชญา
ดีมาก น่าฟัง สำหรับคนขี้เกียจอ่าน หรืออ่านมามากไปแล้ว จนปวดตา
vdo link here
มุมมองของ ไอนสไตน์
ไปเจอ วีดิโอ สรุปย่อหนังสือของ อัลเบิร์ต ไอนสไตน์ เรื่อง โลกตามที่ฉันมองเห็น
ดีมาก ดูสองเที่ยว เลยเก็บลิงก์ไว้ที่นี่
Abert Einstein: "The Worlds As I see It."
ดีมาก ดูสองเที่ยว เลยเก็บลิงก์ไว้ที่นี่
Abert Einstein: "The Worlds As I see It."
ฝรั่งเถียงกันอยู่ แต่ไทยจะโดน "งานเข้า" ไหม
เพิ่งอ่านเจอว่า มี ๒ เรื่องใหญ่ๆ ที่ฝรั่งกำลังเจรจากันอยู่ลับๆ อยู่ก็มี และที่กำลังดำเนินการ พยายามจะออกกฎหมายก็มี สองเรื่องนี้ เป็นเรื่องระหว่างประเทศทีเดียว ที่จะกระทบกระเทือนไปทั่วโลก ถ้าสำเร็จ มีผลใช้บังคับ ก็เป็นเรื่อง เมืองไทยคงจะต้องเรียกได้ว่า มี "งานเข้า" ต้องโดนผลกระทบทางลบ
เรื่องแรกคือ กำลังมีความพยายามที่จะ "เก็บเงิน จากการส่งข้อมูลทางอินเตอร์เน็ท" (taxing the Internet) โดยข้อเสนอของ ETNO หรือ สมาพันธ์ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมแห่งยุโรป ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนปรึกษาหารือกันเป็นการลับ กรณีนี้ บริษัทไอทีใหญ่ๆ ของสหรัฐฯ และ ประเทศกำลังพัฒนา จะเสียประโยชน์ เสียเงิน และถ้าต้องเสียเงิน เขาก็อาจจะงดให้บริการประเทศที่เขาจะต้องเสียเงินในการส่งดาต้ามาให้ดูฟรีๆ ผลจะกระทบต่อเรา คนในประเทศกำลังพัฒนา จะโดนหนัก เพราะว่าเป็นผู้บริโภคข้อมูลเป็นหลัก
ดูข่าวได้ที่นี่
อีกเรื่องคือ ACTA (Anti-Counterfeiting Trade Agreement) แปลเป็นไทยได้ว่า สนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการต่อต้านสินค้าปลอม อันนี้เห็นๆ ประเทศกำลังพัฒนา ที่จะโดนหาว่าละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรจะโดนไปเต็มๆ เหมือนกัน ประเทศในยุโรปกำลังเถียงกันอยู่ ว่าจะผ่านในสภายุโรปไหม อาจจะไม่ผ่าน กรณีนี้ บริษัทใหญ่ๆ ของ สหรัฐฯ ได้ประโยชน์ เป็นส่วนมาก
ดูข่าวได้ที่นี่
คนไทยส่วนมากไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ มัวแต่ทะเลาะกันอยู่ เรื่องทางการเมือง เรื่องไม่น่าจะเป็นสาระสำคัญ เหมือนไก่ในกรง ท้ายรถสิบล้อ จิกกันฟัดกันนัว หารู้ไม่ว่า กำลังจะโดนส่งไปโรงเชือด
เรื่องแรกคือ กำลังมีความพยายามที่จะ "เก็บเงิน จากการส่งข้อมูลทางอินเตอร์เน็ท" (taxing the Internet) โดยข้อเสนอของ ETNO หรือ สมาพันธ์ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมแห่งยุโรป ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนปรึกษาหารือกันเป็นการลับ กรณีนี้ บริษัทไอทีใหญ่ๆ ของสหรัฐฯ และ ประเทศกำลังพัฒนา จะเสียประโยชน์ เสียเงิน และถ้าต้องเสียเงิน เขาก็อาจจะงดให้บริการประเทศที่เขาจะต้องเสียเงินในการส่งดาต้ามาให้ดูฟรีๆ ผลจะกระทบต่อเรา คนในประเทศกำลังพัฒนา จะโดนหนัก เพราะว่าเป็นผู้บริโภคข้อมูลเป็นหลัก
ดูข่าวได้ที่นี่
อีกเรื่องคือ ACTA (Anti-Counterfeiting Trade Agreement) แปลเป็นไทยได้ว่า สนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการต่อต้านสินค้าปลอม อันนี้เห็นๆ ประเทศกำลังพัฒนา ที่จะโดนหาว่าละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรจะโดนไปเต็มๆ เหมือนกัน ประเทศในยุโรปกำลังเถียงกันอยู่ ว่าจะผ่านในสภายุโรปไหม อาจจะไม่ผ่าน กรณีนี้ บริษัทใหญ่ๆ ของ สหรัฐฯ ได้ประโยชน์ เป็นส่วนมาก
ดูข่าวได้ที่นี่
คนไทยส่วนมากไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ มัวแต่ทะเลาะกันอยู่ เรื่องทางการเมือง เรื่องไม่น่าจะเป็นสาระสำคัญ เหมือนไก่ในกรง ท้ายรถสิบล้อ จิกกันฟัดกันนัว หารู้ไม่ว่า กำลังจะโดนส่งไปโรงเชือด
Wednesday, June 06, 2012
จะสร้างความมั่นใจในความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไร
เรื่อง ความคิดสร้างสรรค์ (creativity) และ นวัตกรรม (innovation) กำลังอยู่ในความสนใจของผมด้วยพอดี
ก็พอดีไปเจอวีดิโอที่ TED เรื่อง จะสร้างความมั่นใจในความคิดสร้างสรรค์ของตัวได้อย่างไร พูดอีกอย่างก็คือ จะเอาชนะความกลัวในการแสดงออกเพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ ได้อย่างไร
ลิงก์ยังวีดิโอ
ผมว่าน่าไปชม
ก็พอดีไปเจอวีดิโอที่ TED เรื่อง จะสร้างความมั่นใจในความคิดสร้างสรรค์ของตัวได้อย่างไร พูดอีกอย่างก็คือ จะเอาชนะความกลัวในการแสดงออกเพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ ได้อย่างไร
ลิงก์ยังวีดิโอ
ผมว่าน่าไปชม
A metaphor of information as food
I just watched a TED vdo, a talk by JP Rangaswami who gave information an analogy of food.
Link to the vdo page here
From his conclusion at the end, we need to control how we consume information, like we control our quality and quantity of foods. We need also to exercise. I think I personally agree and will take precaution out of his suggestion. I have felt that I have information overloads and spent too much time processing them, not enough creating new stuff in the past. That is one point I want to make.
On another aspect, I think of situation in Thailand these days, we have had too much intended public misinformations, or rather propaganda, and lies, which are equivalent to a lot of junk foods here. Future historians interested in Thailand of this era will surely have a hard time sifting through information, e.g. in reported news, to determine which one is real which one is fabrication, and what facts were left out due to self-censorships. But that is their future problems. However, the more pressing problem for the current generation of Thais is that the majority of the Thai population have been subjected in the past few years to extensive misinformation, propaganda and plain lies, and information black out for political gains from factions with various ideologies, some extreme. This is more of a concern, since most of the population has no way to know that they have been fed with junk foods laced with toxins. And this will serve as political time bomb and could break havoc on the society.
Link to the vdo page here
From his conclusion at the end, we need to control how we consume information, like we control our quality and quantity of foods. We need also to exercise. I think I personally agree and will take precaution out of his suggestion. I have felt that I have information overloads and spent too much time processing them, not enough creating new stuff in the past. That is one point I want to make.
On another aspect, I think of situation in Thailand these days, we have had too much intended public misinformations, or rather propaganda, and lies, which are equivalent to a lot of junk foods here. Future historians interested in Thailand of this era will surely have a hard time sifting through information, e.g. in reported news, to determine which one is real which one is fabrication, and what facts were left out due to self-censorships. But that is their future problems. However, the more pressing problem for the current generation of Thais is that the majority of the Thai population have been subjected in the past few years to extensive misinformation, propaganda and plain lies, and information black out for political gains from factions with various ideologies, some extreme. This is more of a concern, since most of the population has no way to know that they have been fed with junk foods laced with toxins. And this will serve as political time bomb and could break havoc on the society.
Sunday, June 03, 2012
อันเนื่องมาจาก Thailand's Tablet PC for grade 1 students
เพิ่งไปเจอหน้าเว็บที่เขาสัมภาษณ์นักพัฒนาโปรแกรมประยุกต์สำหรับใช้ในโรงเรียน กับเด็กประถมศึกษาปีที่ ๑ ของเรา
ผมคิดว่าน่าสนใจ ก็เลยจะใส่ลิงก์ไว้ตรงนี้ เผื่อคนสนใจไปตามข่าวคราวได้
ในส่วนตัวผมเองก็เซฟเนื้อหาเก็บไว้อ่านออฟไลน์ด้วยเหมือนกัน เผื่อต้องอ้างอิงในอนาคต
ก็เอาใจช่วยนักพัฒนาครับ
(ทั้งๆที่ รู้ทั้งรู้เหมือนกับคนไทยส่วนมากทั้งประเทศว่า นี่เป็นโครงการที่มาจากการหาเสียงแบบแทบไม่มีหัวคิดของนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลในปัจจุบัน แต่ผมถือว่า ไม่มีอะไรที่มันจะเสียหรือเลวไปเสียทั้งหมด และในอีกด้านหนึ่ง ก็ไม่มีอะไรที่มันจะดีพร้อมไปทั้งหมด อย่างน้อย มองได้ว่ามันก็เป็นความพยายามหนึ่งที่จะพัฒนาการศึกษาในบ้านเรา แต่ในระดับงบประมาณของประเทศนั้น มันจะเป็นการลงทุนเข้าทำนองว่า ลงเงินไป ๑๐๐ บาท ได้ผลเท่ากับ ๑๐ บาทหรือเปล่า เป็นการลงงบประมาณแบบที่สำนวนชาวบ้านเขาว่า "เตะหมูเข้าปากหมา" หรือเปล่า การเวลาก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสิ่งที่ชาวบ้านเขามองไว้ก่อนแล้วนั้น ถูกหรือไม่)
Subscribe to:
Posts (Atom)